วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
โอมเพี้ยงงง!...เปิดตำรา"ขอฝน" แมว-บั้งไฟ-ปลาช่อน...ความหวังสู้ภัยแล้ง

โอมเพี้ยงงง!...เปิดตำรา"ขอฝน" แมว-บั้งไฟ-ปลาช่อน...ความหวังสู้ภัยแล้ง

วันจันทร์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558, 18.08 น.
Tag :
  •  

“ภัยแล้ง” ปีนี้รุนแรง ลำน้ำแห้งขอด ผืนดินแตกระแหงเพราะไม่มีน้ำมาเติมความชุ่มฉ่ำ น้ำกินน้ำใช้ขาดแคลนหนักถึงขั้นที่รัฐบาลต้องประกาศ “ห้ามทำนา” เพราะน้ำมีไม่พอ ข้าวเสี่ยงต่อการ “ยืนต้นตาย” ทว่า.....

ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป!!!


เมื่อภาครัฐไม่อาจเยียวยา จัดสรรน้ำให้ได้อย่างเพียงพอ ชาวไร่ชาวนาไทยที่มี “น้ำ” เป็นดั่งชีวิต ก็ต้องแสวงหาหาโอกาส และทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำอันหมายถึง “ความอยู่รอด” ซึ่งสารพัด.....

“พิธีขอฝน”.....

คือ อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้รอด ที่ชาวไร่ชาวนาในหลายพื้นที่เลือกที่จะใช้ โดยพิธีกรรมของแต่ละพื้นที่ก็แตกต่าง หลากหลายต่างกันไป…..

“ฮิต” และคุ้นตาที่สุด คงหนีไม่พ้นประเพณี “แห่นางแมว” นิยมจัดขึ้นทั้งในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อใกล้ฤดูเพาะปลูกแล้ว แต่ฝนยังไม่มา หรือมาล่าช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ข้าวในนา พืชในสวนขาดน้ำหล่อเลี้ยง ให้ผลผลิตไม่ได้เต็มที่ ชาวนาชาวไร่ก็จะจัดพิธี “แห่นางแมวขอฝน” ที่ทำสืบต่อกันมาด้วยความเชื่อที่ว่าหากทำพิธีแห่นางแมวแล้ว อีกไม่ช้าฝนก็จะตกลงมา

สมัยโบราณเชื่อว่าที่ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล มีอยู่หลายสาเหตุ เช่น ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ผู้คนย่อหย่อนศีลธรรม ผู้ปกครองไม่อยู่ในทศพิศราชธรรม และที่ใช้แมวแห่เพื่อขอฝนมาจากความเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์ที่ “กลัวฝน” กลัวน้ำ คนโบราณถือเคล็ดว่า ถ้าแมวร้องแสดงว่าฝนกำลังจะตก

บ้างเชื่อว่าแมวเป็นตัวแทนของความแห้งแล้ง หากเมื่อใดแมวถูกสาดน้ำจนเปียกปอนก็เท่ากับเป็นการขับไล่ความแห้งแล้งออกไปจากเมือง ดังนั้นระหว่างที่แห่นางแมวจะมีคนทำหน้าที่ร้องเพลงเซิ้ง ตีเกราะเคาะไม้เพื่อให้เกิดจังหวะสนุกสนานไปด้วย ขบวนแห่นางแมวจะเคลื่อนไปทั่วทุกหลังคาเรือน โดยมีกติการ่วมกันว่า ขบวนแห่นางแมวไปถึงบ้านใคร บ้านนั้นต้องเอาน้ำสาดเพื่อให้แมวร้อง

บ้างก็เชื่อว่า “แมวเป็นสัตว์ที่มีอำนาจลึกลับเรียกฝนได้”.....

“แมว” ที่ถูกคัดเข้าสู่ขบวนแห่ต้องมีลักษณะดีสายพันธุ์ “สีสวาด” เพศเมีย 1-3 ตัว ใส่กระบุงหรือตะกร้าออกแห่ไปรอบๆหมู่บ้าน ฝนก็จะตกลงมาภายใน 3-7 วัน สาเหตุที่ต้องเลือกแมวสีสวาดเพราะคนโบราณมองว่า “ขนสีเทา” คล้ายกับสีเมฆฝน บางแห่งอาจจะใช้แมวดำแทน

อีกหนึ่งพิธีที่นิยมทำกัน คือ ประเพณี “บุญบั้งไฟ” เป็นฮีต หรือจารีตสำคัญของชาวอีสานทั่วทั้งภูมิภาค.....

ตำนานเล่าขานกันว่าประเพณีบุญบั้งไฟ ผูกพันกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง “สงครามระหว่างพญาคันคากกับพญาแถน” เรื่องนี้เริ่มจากพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาคันคาก หรือ “คางคก” อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ครั้งนั้น “พญาแถน” เทพผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ผู้ดลบันดาลให้ฝนตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตกเลยตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ชาวเมืองทนไม่ไหวจึงคิดทำสงครามกับพญาแถน แต่สู้พญาแถนกับกองทัพเทวดาไม่ได้ ถูกไล่ล่าหนีมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่พญาคันคากอาศัยอยู่

ในที่สุดพญาคันคากตกลงใจเป็นจอมทัพของชาวโลกต่อสู้กับพญาแถน พญาคันคากให้พญาปลวกก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ให้พญามอดไม้ไปทำลายด้ามอาวุธของทหารและอาวุธพญาแถน และให้พญาผึ้ง ต่อ แตน ไปต่อยทหารและพญาแถนฝ่ายเทวดาพ่ายแพ้ พญาแถนจึงให้คำมั่นว่า หากมนุษย์ยิง “บั้งไฟ” ขึ้นไปเตือนเมื่อไรจะรีบบันดาลให้ฝนตกลงมาทันที และถ้ากบเขียดร้องก็ถือเป็นสัญญาณว่าฝนได้ตกลงถึงพื้นแล้ว และเมื่อใดที่ชาวเมืองเล่นว่าวก็เป็นสัญญาณแห่งการหมดสิ้นฤดูฝน พญาแถนก็บันดาลให้ฝนหยุดตก

“บุญบั้งไฟ” นิยมทำกันในเดือน 6 หรือเดือน 7 อันเป็นช่วงฤดูฝนเข้าสู่การทำนา เพื่อเป็นการขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เหมือนกับการ “แห่นางแมว” ของคนภาคกลาง

อย่างไรก็ดี ใน 2 พิธีกรรมที่อยู่คนละภาคนี้ มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของ “สัญลักษณ์” ที่ใช้อันส่อไปทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศชายเรียกว่า “บักแบ้น” หรือ “ปลัดขิก” ในอีสาน หรือ “ขุนเพ็ด” ในภาคกลางเข้าร่วมขบวนแห่ ทั้งยังมีการร้องเซิ้งด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์ ซึ่งสัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายของความสัมพันธ์ระหว่าง ฟ้ากับดิน หญิงกับชาย ที่เป็นพลังก่อกำเนิดชีวิต และเป็นพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงมีความสัมพันธ์กับการขอฝน ซึ่งเป็นที่มาของพลังแห่งการเติบโตของพืชนั่นเอง

ส่วนทาง “ภาคเหนือ” จะขอฝนด้วย “ประเพณีตานก๋วยสลาก” หรือ “ประเพณีกิ๋นสลาก” เป็นประเพณีทำบุญโดยมิได้เลือกเจาะจงพระสงฆ์องค์ใดของชาวล้านนา มีลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับประเพณีถวายสลากภัตของชาวไทยภาคกลาง

“ตานก๋วยสลาก” อาจแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ 1.สลากเฉพาะวัด เรียกว่า สลากน้อย 2.สลากที่นิมนต์พระจากวัดอื่นๆมาร่วมพิธีด้วยเรียกว่า สลากหลวง และ 3.สลากที่ทำเมื่อฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเพื่อถวายกุศลแด่พระอินทร์ เป็นการขอฝนเรียกว่า “สลากขอฝน” หรือสลากพระอินทร์

ตามความเชื่อของชาวล้านนา คือ พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะอนุเคราะห์แก่มหาชน จึงทรงผ้าวัสสิกสาฎก หรือ “ผ้าอาบน้ำฝน” แล้วเสด็จไปประทับ ณ บันไดสระ ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นกวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายรองรับน้ำฝน ทันใดนั้นบังเกิดมหาเมฆตั้งเค้าขึ้นพร้อมกันในทุกทิศานุทิศ

นอกเหนือจาก “พิธีขอฝน” ข้างต้นแล้ว ในบางพื้นที่ของไทย ยังมีพิธีกรรมความเชื่อเกี่ยวกับการขอฝนอีกหลากหลาย ซึ่งเป็นจารีตของท้องถิ่นที่อาจจะดู “แปลก” และ “แหวกแนว” สำหรับคนต่างถิ่น เช่น.....

“สวดคาถาปลาช่อน” ของชาว ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยมีการนำ “ปลาช่อน” 9 ตัว ใส่อ่างแล้วโยงสายสิญจน์ สวดร่วมกับการประกอบพิธี “สวดพุทธมนต์ขอฝนพระพุทธไสยาสน์” ซึ่งเป็นพระคู่เมือง ถ้าปลาช่อน “ดิ้นกระโดด” ขึ้นมาจากอ่าง เป็นการส่งสัญญาณฝนจะตกลงมาใน 3 วัน

สำหรับความเชื่อเรื่อง “สวดคาถาปลาค่อ” หรือคาถาปลาช่อน เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวอีสาน อ้างอิงตามพุทธตำนานที่เชื่อว่าในอดีตพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็น “พญาปลาค่อ” หรือปลาช่อน อาศัยอยู่ในสระแห่งหนึ่ง และมีสัตว์น้ำหลายชนิดกำลังแหวกว่านในสระที่ไม่มีน้ำทุกข์ทรมาน พระโพธิสัตว์จึงผุดขึ้นจากโคลน พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้ฝนตกซึ่งฝนก็ตกตามที่หวัง

ในปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ช่วงการสวดมนต์คาถาปลาช่อน ชาวบ้านต้องสังเกตปลาที่นำมาว่า จะกระโดดจากน้ำหรือไม่ หากกระโดดพ้นน้ำจะหมายความว่า พิธีกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จ ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล

“ประเพณีเล่นเพลงปรบไก่ขอฝน”.....เป็นการละเล่นของชาวบ้าน ต.ลาดโพธิ์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็นการบวงสรวงศาลหลวงปู่เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล โดยจะเล่นกันในวันเพ็ญเดือน 6 ลักษณะการเล่นเพลงปรบไก่นี้ จะมีพ่อเพลงแม่เพลงแต่งกายพื้นบ้านสีสด ใส หลังจากพิธีกรรมต่าง ๆ รวมถึงการไหว้ครูแล้ว ทั้งฝ่ายชายและฝ่าย หญิงจะสลับกันร้องและร่ายรำอยู่กลางวง ท่าร่ายรำของฝ่ายชายปัดไปปัด มาคล้ายกับอาการป้อของไก่ตัวผู้ อาจเป็นเพราะลักษณะนี้จึงเรียกว่าเพลง “ปรบไก่” บทเพลงที่ใช้ร้องเป็นบทเกี้ยวพาราสีกัน

เล่าสืบต่อกันมาว่าหมู่บ้านแถบนี้แห้งแล้งมาก ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้ และไม่มีน้ำทำนา ไม่ว่าจะใช้วิธีขอฝนอย่างไรก็ไม่ได้ผล จึงชักชวนกันมาบนบานขอฝนต่อศาลประจำหมู่บ้าน โดยสัญญาว่าถ้าฝนตกจะบวงสรวงและเล่นเพลงปรบไก่ถวาย ปรากฏว่าฝนตกบริบูรณ์ดี ชาวบ้านจึงจัดการบวงสรวงและเล่นเพลงปรบไก่ถวายเป็นประจำทุกปี

สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมที่ต้องอาศัย “น้ำ” และ “ฝน” เป็นตัวช่วยสำคัญ แต่เมื่อ “น้ำ” ไม่มี “ฝน” ไม่มา.....

“พิธีกรรม” ผ่านความเชื่อและตำนาน จึงเป็นดั่ง “ที่พึ่งสุดท้าย” ที่ชาวไร่ชาวนาหวังว่าจะช่วยให้ได้มาซึ่ง “น้ำ” เพื่อชโลมผืนดินที่กำลัง “แห้งผาก” และเป็นดั่ง “น้ำทิพย์” ชโลมใจ ต่อชีวิตในยามชาวไร่ชาวนาไทยในยาม “แห้งแล้ง”.....

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สคช.เตรียมจัดโครงการ\'คลินิกอัยการอาสาเคลื่อนที่คุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ\' สคช.เตรียมจัดโครงการ'คลินิกอัยการอาสาเคลื่อนที่คุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ'
  • สภาผู้บริโภคเล็งเปิดผลศึกษา 4 แนวทาง กทม. หลังหมดสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว สภาผู้บริโภคเล็งเปิดผลศึกษา 4 แนวทาง กทม. หลังหมดสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว
  • สภาผู้บริโภคปล่อยขบวนรถเมล์ 3 เส้นทาง ชวนออกแบบเมืองที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคปล่อยขบวนรถเมล์ 3 เส้นทาง ชวนออกแบบเมืองที่เป็นธรรม
  • แฮปปี้ทั้งคู่!! \'ทูน หิรัญทรัพย์\'-เด็ก17 ต่างฝ่ายต่างยกมือขอโทษจบด้วยดี แฮปปี้ทั้งคู่!! 'ทูน หิรัญทรัพย์'-เด็ก17 ต่างฝ่ายต่างยกมือขอโทษจบด้วยดี
  • \'สภาผู้บริโภค\'วอน\'กรมโยธาฯ แก้กฎ ม.33 ผุดอาคารสูงซอยแคบพุ่ง 'สภาผู้บริโภค'วอน'กรมโยธาฯ แก้กฎ ม.33 ผุดอาคารสูงซอยแคบพุ่ง
  • ผบ.ฐานทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมกำลังพล ในการสนับสนุน ทางอากาศด้วย UAV ผบ.ฐานทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมกำลังพล ในการสนับสนุน ทางอากาศด้วย UAV
  •  

Breaking News

กทม. ติวรองผอ.โรงเรียนยึดหลักคุณธรรมมุ่ งพัฒนาการศึกษาดีมีคุณภาพ

'ชมพู อทิตา'อ่วมเจอ 'เดือน ไปรมา'ว่าที่แม่ผัวจัดคอมโบเซต พร้อมตราหน้า อีดวงกินผัว!

กต.‘สหรัฐฯ’เตือนชาวอเมริกันทั่วโลกเพิ่มความระมัดระวัง หลังสถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียด

กทม.ปลื้มโครงการมือวิเศษกรุงเทพฯ คืนขยะสู่ระบบลดฝังกลบได้ 100 ตัน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved