จากกรณีเหตุความวุ่นวายภายในมหาวิทยาลัยอัญสัมชัญ (เอแบค) วิทยาเขตหัวหมาก หลังชายฉกรรจ์ที่คาดว่าเป็นผู้ติดตามของ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส ณ นคร หัวหน้าแผนกวิชาแมคคาทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อัสสัมชัญ ปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกาย รศ.ดร.ประทิต สันติประภพ ผู้อำนวยการห้องวิจัยเทคโนโลยีเครือข่าย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.อัสสัมชัญ เนื่องจากเห็น รศ.ดร.ประทิต พยายามยกโทรศัพท์มือถือเพื่อบันทึกวีดีโอเหตุการณ์ที่ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส กำลังสั่งให้เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยกระทำการบางอย่าง เมื่อ 10 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด 11 ส.ค. 2558 เวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง รศ.ดร.ประทิต เบื้องต้นทราบว่าเหตุการณ์ใน ม.อัสสัมชัญ ยังไม่สงบ หลังพบว่ามีรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนสังกัดกองทัพเรือมาจอดอยู่บริเวณร้านกาแฟด้านข้าง ม.อัสสัมชัญ พร้อมด้วยชายฉกรรจ์ราว 4-6 คน รวมกลุ่มกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้ติดตามของ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส เนื่องจาก รศ.ดร.ประทิต จำได้ว่ามีคนที่เป็นผู้ทำร้ายร่างกายตนอยู่ในกลุ่มด้วย
"วันนี้สถานการณ์ยังค่อนข้างเอาเรื่อง มีกำลังคนชุดเดิม มีรถที่ติดป้ายกองทัพเรือชัดเจน แต่ยังไม่ได้เข้ามาในพื้นที่ เขารวมกลุ่มกันที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ด้านข้างมหาวิทยาลัย ผมก็ได้ไปประสานทั้งทางกองปราบ และ สน.หัวหมากแล้ว ส่วนรูปของผู้ก่อเหตุที่มาเมื่อวานทั้ง 4 คน ทางมหาวิทยาลัยได้ติดประกาศไว้แล้ว ตอนนี้เห็นว่ารวมตัวอยู่ภายนอก ซึ่งมี 4 คนนี้ด้วย แล้วก็มีรายงานว่ามีเพิ่มมาอีก 2-3 คน ซึ่งอยู่ด้านนอก เราไม่ว่าแต่ถ้าเข้ามาในมหาวิทยาลัยเราคงต้องดำเนินการ" รศ.ดร.ประทิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บนั้น รศ.ดร.ประทิต เผยว่าวันนี้ยังรู้สึกปวดบริเวณแก้มซ้าย เนื่องจากการถูกชกเข้าที่ใบหน้า กับอาการเคล็ดขัดยอกเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับปมความขัดแย้งในครั้งนี้ สืบเนื่องจากคำสั่งสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ 9/2558 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2558 มีภราดาสุรสิทธิ์ สุชชัย นายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นผู้ลงนาม โดยคำสั่งดังกล่าวให้ยกเลิกคำสั่งสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ 4-8/2558 เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ในจำนวนนี้ มีคำสั่งที่ 6 และ 8 ซึ่งเป็นคำสั่งแต่งตั้งให้ ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดี
ซึ่งในช่วงที่คำสั่งที่ 6 และ 8 ประกาศใช้นั้น ดร.สุทธิพร ได้ใช้อำนาจรักษาการอธิการบดี สั่งการให้ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส ไปดูแลงานฝ่ายบริหารและฝ่ายทรัพยากรบุคคล กระทั่งมีคำสั่งที่ 9/2558 เพื่อยกเลิก 2 คำสั่งก่อนหน้าข้างต้น เท่ากับว่ากรณี ดร.สุทธิพร สั่งการ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส น่าจะถือเป็นคำสั่งที่เป็นโมฆะด้วย
ทำให้พนักงานในฝ่ายดังกล่าว เกิดความไม่แน่ใจและไม่สบายใจว่าตนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส หรือไม่ เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น พนักงานเหล่านี้เกรงว่าจะมีความผิดฐานกระทำโดยพลการ เมื่อ รศ.ดร.ประทิต ทราบเรื่อง จึงพยายามถ่ายคลิปวีดีโอที่ พล.ร.ท.ดร.วิทวัส เข้าไปสั่งการพนักงานไว้เป็นหลักฐานว่ามีผู้สั่งการจริง ทั้งนี้ รศ.ดร.ประทิต ตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นคำสั่งที่ถูกต้องจริง เหตุใดต้องห้ามบันทึกคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย
อีกด้านหนึ่ง มีหนังสือด่วนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลขที่ 229-230/2558 ลงวันที่ 11 ส.ค. 2558 โดย ดร.สุทธิพร ใช้อำนาจในฐานะรักษาการอธิการบดี สั่งห้ามไม่ให้ รศ.ดร.ประทิต และ นายอรรณพ พึ่งเชื้อ เข้ามาในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ทั้ง 2 วิทยาเขตคือหัวหมากและสุวรรณภูมิ เว้นแต่ในวันที่มีชั่วโมงการสอนของทั้ง 2 เท่านั้น เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 พยายามขัดขวางการทำหน้าที่ของ ดร.สุทธิพร
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ประทิต ยืนยันว่าสภาพจิตใจของตนยังดี เนื่องจากมีเพื่อนฝูงจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เข้ามาสอบถามและให้กำลังใจตลอดทั้งวัน และย้ำว่าคำสั่งดังกล่าวไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากตัวของ ดร.สุทธิพร ไม่มีอำนาจตามที่กล่าวอ้าง รวมถึงยืนยันว่าตนจะเข้าไปทำงานในมหาวิทยาลัย ในวันและเวลาทำการตามปกติอย่างแน่นอน
"ผมจะมาทำงานตามปกติ ที่นี่เป็นที่ทำงานของผม และผู้บังคับบัญชาสูงสุดตอนนี้คือรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คือ ดร.กมล กิจสวัสดิ์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดีเท่านั้น" รศ.ดร.ประทิต กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี