เริ่มต้นการทำงานกันแล้ว คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ “ประยุทธ์ 3” หลังเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อย จาก 33 รัฐมนตรีนำโดยนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีทั้งรัฐมนตรีเก่าที่อยู่ในตำแหน่งเดิม รัฐมนตรีเก่าที่สลับไปอยู่ตำแหน่งใหม่ และรัฐมนตรีใหม่เข้ามาเสริมทัพอีกนับสิบคน ส่วนคนเก่าที่ถูกปรับออก 11 คน ส่วนใหญ่ถูกดึงไปทำหน้าที่ใหม่เป็นที่ปรึกษารัฐบาล เพื่อรักษาน้ำใจไว้ แต่ก็มีบ้างบางคนที่ไม่ขอรับตำแหน่งใหม่นี้ จะเพราะงอน ไม่พอใจ หรือมีเหตุผลใด ก็สุดแต่จริตของแต่ละคนไป
บรรทัดนี้ก็ต้องขอต้อนรับอีกครั้งกับรมว.เกษตรและสหกรณ์คนใหม่...พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่สลับย้ายมาจากรมว.พาณิชย์ ไม่ผิดจากที่คาดหมายกันมาตลอด เพราะเคยเข้ามากำกับดูแลงานกระทรวงเกษตรฯตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้ายึดอำนาจการบริหารประเทศ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะเป็นผู้ดูแลสั่งงานกระทรวงเกษตรฯอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เพราะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีรัฐมนตรีช่วยมาแบ่งปันอำนาจหน้าที่ แต่แน่นอนด้วยขอบข่ายงานอันกว้างขวางและมีความสำคัญมาก จะต้องดูแลพี่น้องเกษตรกรทั่วทั้งประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติมากมาย จึงต้องอาศัย“ทีมงาน”ที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ทั้งทีมงานของตัวรัฐมนตรีเอง ค่อยเป็นมือไม้ดำเนินการให้ และทีมงานข้าราชการประจำที่จะเป็นกำลังสำคัญผลักดันงานออกมาให้เป็นผลสำเร็จ
มีบทเรียนมากมายจากอดีตรมว.เกษตรฯคุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไป ซึ่งสื่อต่างๆ รวมทั้งผมเองและหน้าเกษตรของ “แนวหน้า” แห่งนี้ ได้เคยสะท้อนไว้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ “ทีมงานที่ปรึกษารัฐมนตรี” แทนที่จะเข้ามาช่วยทำงานแก้ไขปัญหาให้ดี กลับกลายมาเป็นตัวปัญหาเสียเอง ตลอดจนการจัดทัพข้าราชการประจำที่ปล่อยให้ “กุนซือ” เหล่านี้เข้าแทรกแซงการแต่งตั้ง ได้คนที่ไม่เหมาะสมผลักดันงานไม่ได้ ทำให้ผลงานกระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมา ไม่ประสบผลที่น่าพอใจนัก กลายเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้การปรับครม.ครั้งนี้ มีการเอารัฐมนตรีเกษตรฯเดิมออกหมดทั้ง 2 คน
ก็หวังว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะมีข้อมูลและรับรู้บทเรียนเหล่านี้เป็นอย่างดี เพื่อมิให้ก้าวพลาดซ้ำรอย จนสร้างความผิดหวังให้กับสังคมส่วนรวมและแวดวงเกษตรที่จับตาติดตามดูอยู่
นอกจากนั้นกระทรวงเกษตรฯถือเป็น 1 ในกระทรวงด้านเศรษฐกิจสำคัญ ต้องทำงานร่วมกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ได้ผู้นำคนใหม่คือรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์พร้อมรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนใหม่เกือบหมด เน้นทีมงานสายตรงนายสมคิดทั้งสิ้น ไม่ว่ากระทรวงการคลังที่ได้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นขุนคลังคนใหม่ กระทรวงพาณิชย์ที่แม้นางอภิรดี ตันตราภรณ์ จะเป็นคนเก่าที่เลื่อนชั้นจากรัฐมนตรีช่วยขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ แต่ก็เสริมคนใหม่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีช่วย เป็นต้น
แนวทางการทำงานทีมเศรษฐกิจใหม่ เป็นที่แน่ชัดว่า จะเปลี่ยนแปลงไปจากทีมเก่าที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ซึ่งถูกปรับออกไป โดยมีการเปรียบเทียบกันว่า สไตล์การทำงานของ หม่อมอุ๋ย เป็นแบบอนุรักษ์นิยมเน้นวางรากฐานให้มั่นคง ปฏิรูปในระยะยาว ขณะที่สไตล์นายสมคิดเป็นนักการตลาด เน้นทำงานเป็นทีม เรียกความเชื่อมั่น จึงหวังผลนโยบายระยะสั้นมากกว่า
วันแรกของการเข้าทำงาน นายสมคิดประกาศแล้วว่า ได้เตรียมมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยเหลืออัดฉีดเงินสู่คนรากหญ้าจะเสนอเข้าครม.เร็วๆ นี้ โดยชี้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจซบเซาเวลานี้ มาจาก 2 สาเหตุคือ1.ปัจจัยภายนอก จากภาวะเศรษฐกิจโลก และ2.ปัจจัยภายใน ที่ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ กำลังซื้อคนรากหญ้าจึงไม่ค่อยเพียงพอ ทำให้อำนาจซื้ออ่อนแอ เกิดปัญหาความไม่เชื่อมั่น ทั้งมีข่าวเศรษฐกิจไม่ดีออกมาตลอดเวลา ทำให้การลงทุนในประเทศไม่ขยับเท่าที่ควร
“ผมอยากให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานและศักยภาพของประเทศ รัฐบาลจะเร่งแก้จุดอ่อน และสร้างรากฐานสำหรับอนาคต ดังนั้น จึงเรียนนายกฯไปว่า ในระยะสั้นจะทำอย่างไรที่จะลงไปช่วยเหลือรากหญ้า โดยเฉพาะเกษตรกรในต่างจังหวัด ให้เศรษฐกิจพื้นฐานขับเคลื่อนได้ ซึ่งมีมาตรการที่ฟอร์มกันอยู่ จะเสนอเข้าครม.ให้เร็วที่สุด จะประทังให้กิจกรรมเศรษฐกิจท้องถิ่นและภูมิภาคขับเคลื่อนไปได้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจโดยทั่วไปเริ่มหมุนได้”
ยังมีรายละเอียดที่นายสมคิดแถลงไว้น่าสนใจอีกเยอะ ไปหาอ่านจากข่าวได้ แต่ที่ผมอยากเน้นตรงนี้คือ นโยบายต่อคน
รากหญ้าและเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องราคาพืชผล เชื่อว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้มีการใช้นโยบายแทรกแซงราคาอีกครั้ง ต้องจับตาอย่างยิ่ง รวมไปถึงบทบาทรมว.เกษตรฯของพล.อ.ฉัตรชัยที่จะเข้ามาหนุนเสริมเรื่องนี้เช่นไร
แทรกแซงอย่างไรให้เหมาะสม ไม่ให้กลายเป็นประชานิยมผลาญชาติขึ้นอีก ก็ต้องตามดูต่อไป
รายการสินค้า ราคา / หน่วย
ข้าวนาปี : ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ 105 13,300.00 บาท/ตัน
ข้าวนาปี : ข้าวเปลือกหอมจังหวัด 12,800.00 บาท/ตัน
ข้าวเปลือกเจ้า : ความชื้น 15% 8,500.00 บาท/ตัน
ข้าวเปลือกเจ้า : ความชื้น 25% 7,200.00 บาท/ตัน
มันสำปะหลังสด (แป้ง 25%) 2.40 บาท/กก.
ผลปาล์มน้ำมัน (น้ำหนักมากกว่า 15 กก.) 3.20 บาท/กก.
ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 44.67 บาท/กก.
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้น 14.5% 9.00 บาท/กก.
สุกร 73.00 บาท/กก.
ไก่รุ่นพันธุ์เนื้อ 40.50 บาท/กก.
ไข่ไก่สดเบอร์คละ 300.00 บาท/ร้อยฟอง
กุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 50 ตัว/กก. 170.00 บาท/กก.
ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง เกรด AB 59.00 บาท/กก.
เงาะโรงเรียน (ตะกร้า) 16.00 บาท/กก.
มังคุดคละ 17.00 บาท/กก.
ลำไยช่อพันธุ์อีดอ เกรด AA 30 บาท/กก.
ลองกอง เบอร์ 1 32.00 บาท/กก.
*ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี