จับแล้วฆ่าหั่นศพสาวสปาเชียงใหม่ อ้างหึงเห็นแชทไลน์คุยกับผู้ชายอื่น
วันจันทร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 18.30 น.
Tag :
15 ก.พ. 59 จากคดีตำรวจพบศพหญิงสาวถูกฆ่าหั่นศพ ก่อนคนร้ายจุดไฟเผาทั้งเสื้อผ้า ภายในบ้านพัก ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จากสภาพศพคาดเสียชีวิตมาแล้ว 12 วัน โดยตำรวจได้ตรวจเช็กโทรศัพท์ของผู้ตายพบว่าผู้ตายได้ใช้โทรศัพท์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ทราบชื่อผู้ตายคือ นางสุรีย์ อ่อนสนิท อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และเป็นเจ้าของร้านสปานวดแผนในตัวเมืองเชียงใหม่
ล่าสุด พ.ต.ท.นิรันดร์ วิทยาวุฑฒิกุล นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 พิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยตรวจรอยนิ้วมือที่รถยนต์ของผู้ตาย ตรวจสอบจุดการวางเพลิงของคนร้ายเพื่ออำพรางคดี รวมทั้งตรวจสอบหาของกลางเพิ่มเติม เพื่อนำส่งประกอบสำนวนของพนักงานสอบสวน
พ.ต.ท.นิรันดร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า คนร้ายนั้นได้ทำการลอบวางเพลิงในตัวบ้านทั้งหมด 5 จุดเพื่ออำพรางคดี ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัวและพบอุปกรณ์ของการวางเพลิง ทั้งเทียนไข ไส้โคมไฟและได้หามีดเล่มใหญ่ โดยทางตำรวจคาดว่าอาจจะมีมีดเล่มใหญ่ เพื่อตัดกระดูก ซึ่วสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะทำการหั่นศพผู้ตาย โดยสังหารผู้ตายก่อนแล้วจึงลงมือหั่นศพและทำการจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี
ต่อมาพล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 พล.ต.ต.มนตรี สัมปุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และพ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ. 5 สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้คือ นายพิพัฒน์ กันธิมา อายุ 41 ปี โดยแอบไปกบดานที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปที่บ้านของผู้ต้องหา แต่ไม่พบตัว จึงตามแกะรอยจนพบไปซ่อนตัวที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่อ.สันทราย จึงเข้าควบคุมตัวมาสอบปากคำที่บก.สส.ภ.5
จากการสอบสวน นายพิพัฒน์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหารฆ่านางสุรีย์ โดยก่อนหน้านี้ได้คบหากันมานานหลายปี จากนั้นตนได้ไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่ประเทศตุรกี โดยได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างประเทศไทย กับตุรกีบ่อยครั้ง และช่วงที่ทำงานอยู่ก็จะส่งเงินให้นางสุรีย์ได้ใช้จ่ายไม่เคยขาด หากรวมแล้วก็นับล้านบาท ต่อมาได้เดินทางกลับจากประเทศตุรกี ก็ทราบว่า ผู้ตายนำเงินไปลงทุนเป็นร้านนวดจนหมด ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งก่อนที่จะลงมือสังหาร ตนได้เข้าห้องน้ำ และได้เห็นผู้ชายส่งข้อความทางไลน์ โดยผู้ตายก็แอบพูดกับชายดังกล่าวทางไลน์ในลักษณะชู้สาว จาดนั้นตนได้ต่อว่าผู้ตายว่าเอาเงินที่เคยส่งให้ไปเลี้ยงดูผู้ชายอื่น จึงเกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรง โดยตนได้ตบผู้ตายไป ผู้ตายจึงคว้ามีดและข่มขู่จะทำร้าย ทำให้เกิดการยื้อแย่งมีดกัน จนมีดบาดที่มือของตนและได้แย่งมีดกลับมา ก่อนแทงผู้ตายจนเสียชีวิต
นายพิพัฒน์ ให้การสารภาพอีกว่า หลังเกิดเหตุด้วยความตกใจ ประกอบกับเคยเห็นข่าวการฆ่าหั่นศพ จึงวางแผนนำเทียนมาจุดไว้บนไส้โคมลอย ในแต่ละจุดของบ้าน เพื่อกลบเกลื่อนรอยเลือดและเผาทำลายศพไปพร้อมกับบ้าน โดยทำการจุดจากเทียนไขให้ลามลงไปยังไส้โคมลอยให้เกิดไฟไหม้บ้าน หลังจากจุดไฟเสร็จก็ได้ออกจากบ้านไป เพื่อทำให้ดูคล้ายกับบ้านเกิดไฟไหม้ โดยก่อนจะทำการเผานั้นได้นำชิ้นส่วนศพของผู้ตายวางเรียงไว้บนเตียง ให้คล้ายกับลักษณะว่าผู้ตายถูกไฟคลอกตาย จากนั้นได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านและได้ตัดสินใจเดินทางไปยังสำนักปฏิบัติธรรมที่ อ.สันทราย เพื่ออำพรางและให้ดูเหมือนว่ามาปฏิบัติธรรม จนเวลาผ่านไปนานกว่า 12 วัน ทางเจ้าหน้าที่ก็มาพบศพและมาจับกุมตัวตนได้ในที่สุด และในวันที่ 16 ก.พ. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. จะเดินทางมาแถลงจับกุมผู้ต้องหาที่บช.ภ.5 และคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ