นักศึกษาสาวเทคนิคอุดรฯ ซิ่ง จยย.ฝ่าไฟแดง ถูกรถเก๋งเร่งเครื่องชนดับ เพื่อนเจ็บสาหัส – คนขับรถเก๋งอ้างจังหวะไฟเหลืองคาบลูกคาบดอก

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.00 น. พ.ต.ท.จักรพงษ์ ต้อมแต้ม สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณสี่แยกหนองสำโรง ถนนรอบเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม และทีมแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลอุดรธานี รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ Ford Eco Sport ทะเบียน กษ 6187 อุดรธานี ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ Honda PCX ทะเบียน 2 กม 7793 อุดรธานี ทั้งสองคันได้รับความเสียหายอย่างหนัก ใกล้กันพบศพ น.ส.สุภัสสร มุขกัง อายุ 15 ปี ชาว ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี นอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ มีเลือดไหลออกจำนวนมาก ส่วนเพื่อนสาวอีกคน คือ น.ส.ศิโรรัตน์ คนยง อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอุดรธานี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ขับขี่รถเก๋งคือ น.ส.พิชตตม์ ชัยพฤกษ์ อายุ 52 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะขับรถกลับจากสนามบินมุ่งหน้าไปบ้านที่อำเภอเพ็ญ เมื่อถึงบริเวณสี่แยกหนองสำโรง สัญญาณไฟจราจรฝั่งตนกำลังเปลี่ยนจากไฟเขียวเป็นเหลือง ก่อนจะเป็นแดง จึงตัดสินใจเร่งเครื่องเพื่อให้ทัน แต่จังหวะนั้นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่เลนฝั่งตรงข้ามก็พุ่งออกมาทันที ทำให้เบรกไม่ทันจนเกิดเหตุสลด

ขณะที่ นายม่อน อายุ 15 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต ให้การว่า ตนกับผู้เสียชีวิตและเพื่อนอีกคนเพิ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน เมื่อมาถึงแยกหนองสำโรง ไฟจราจรฝั่งตนเปลี่ยนเป็นสีเขียว เพื่อนจึงรีบขี่รถออกไปทันที ทันใดนั้นก็มีรถเก๋งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วจากทางซ้าย ชนเข้าอย่างจังจนเพื่อนเสียชีวิตคาที่ ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตและเพื่อนเป็นคนดี เพิ่งรู้จักกันไม่นานในช่วงเปิดเทอมใหม่

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยก พบว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เป็นจังหวะเปลี่ยนสัญญาณไฟ ทั้งสองฝ่ายต่างเร่งเครื่อง ฝั่งรถเก๋งกำลังเปลี่ยนจากไฟเหลืองเป็นแดง ขณะที่ฝั่งจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตไฟเพิ่งเปลี่ยนเป็นเขียว ทำให้ทั้งสองพุ่งเข้าหากันในจังหวะคาบลูกคาบดอก

เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมทั้งฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกหรือช่วงเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร เพื่อป้องกันการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น