13 ก.ค. 59 เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)แถลงข่าวการจับกุมแหล่งค้าส่ง และเก็บสินค้าประเภทสุราปลอม และสุราหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนมาก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.20 น. พ.อ.พินิจ ตั้งสกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และ ร.ต.อ.พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 1 ได้นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จำนวน 12 หมาย และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 40 นาย เข้าตรวจค้นร้านศรีวัฒนา ตั้งอยู่ เลขที่ 102  ถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร  กรุงเทพมหานคร และอาคารโดยรอบร้านดังกล่าวจำนวน 12 จุด ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายและแหล่งเก็บสินค้าประเภทสุราปลอม และสุราหลีกเลี่ยงภาษียี่ห้อดังย่านเสาชิงช้าหลายจุด

จากผลการตรวจค้นพบสุราปลอม และสุราต่างประเทศหนีภาษียี่ห้อดังจำนวนทั้งสิ้น 2,307 ขวด รวมสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดจำนวน 2,761 ขวด พร้อมทั้งได้จับกุมนายสุรวุฒิ โรจน์ประสิทธิพร เจ้าของร้าน ซึ่งสุราปลอมเหล่านี้เป็นสุราที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐานหากประชาชนบริโภคเข้าไปก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรงมากกว่าปกติ

ทั้งนี้ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้จำหน่ายสุรา แอบขายให้กับลูกค้าในลักษณะขายปลีกและส่ง โดยหน้าร้านจะวางโชว์สุราที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ภายในร้านดังกล่าวมีประตูเหล็กและมีช่องรับส่งสินค้าและผู้ขายจะนำสุราที่ปลอมและหลีกเลี่ยงภาษีขายผ่านช่องนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นสุราที่ไม่มีการวางโชว์ที่หน้าร้านแต่อย่างใด โดยสุราดังกล่าวได้ซุกซ่อนอยู่ในอาคารหลายหลังที่มีทางเชื่อมถึงกันและมีประตูเหล็กกั้นระหว่างทางเชื่อมมิดชิดด้านหลังตึกซึ่งยากต่อการตรวจค้นจับกุม

ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเจ้าของร้าน ว่ามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้ามีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 5,000,000 บาท

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบนโยบาย ปราบปรามกวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามอำนาจหน้าที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ผู้บริโภค รวมทั้งสินค้าละเมิดที่วางจำหน่ายในบริเวณพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ (พื้นที่สีแดง) เนื่องจากประเทศไทยยังคงถูกประเมินสถานะการคุ้มครองและการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อการค้าการลงทุนและระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง