ร้านค้าประชารัฐภายใต้ชื่อ “ประชารัฐ สุขใจ SHOP” เป็นโครงการความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน เพื่อจำหน่ายสินค้าจังหวัด สินค้า OTOP รวมทั้งให้บริการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัด ภายใต้ชื่อร้าน โดยพื้นที่ภายในบริเวณ ปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านต้อง หมู่ที่ 5 ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม เส้นทางไป จ.มุกดาหาร เป็นพื้นที่เป้าหมายของจังหวัดนครพนม
ตามที่รัฐบาลได้มี นโยบายในการจัด โครงการ “ร้านประชารัฐสุขใจ Shop” ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. จังหวัดละ 2 แห่ง รวม 148 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้า OTOP และให้บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยคัดเลือกและพัฒนาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์ก่อนนำขึ้นชั้นวางจำหน่าย ทุกร้านค้า โดยที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 100 ล้านบาท ระยะ 3 ปี (2559-2561) เพื่อผลักดันโครงการดังกล่าวเพื่อวิสาหกิจชุมชน หรือร้านประชารัฐสุขใจ เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าให้ผู้ผลิตสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน
โดยจะคัดสรรสินค้า OTOP เด่นๆ ของแต่ละจังหวัดในระดับเกรดเอ และบี มาวางจำหน่าย พร้อมทั้งจะพัฒนาคุณภาพและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าโอท็อปทั่วไป ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าเกรดเอและบีเพื่อวางจำหน่าย ซึ่งดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน เบื้องต้นรัฐบาลวางเป้าหมายว่าจะมีสินค้าวางจำหน่ายปีละ 7,400 – 30,000 รายการ มีสินค้าที่จะได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ปีละ 500 รายการ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนทั่วประเทศปีละ 50 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน หรือประชาชนร่วมผลิตสินค้าปีละ 1.48 แสนราย
หลังจากดำเนินการไปแล้ว 3 ปี ร้านประชารัฐสุขใจแต่ละร้านจะสามารถดูแลตนเองได้ สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการร้านค้าได้กำหนดไว้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด จะเป็นผู้ประสานงานระหว่างกลุ่มผู้ผลิตและร้านค้า ซึ่งเหมาะสำหรับจังหวัดที่ไม่มีเครือข่าย OTOPและ Trader รูปแบบที่ 2 เครือข่าย OTOP ของจังหวัด จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืน รูปแบบที่ 3 Trader อาชีพและ Trader ที่พัฒนาจากเครือข่าย OTOP จะทำหน้าที่จัดหา รวบรวมและจัดส่งสินค้าให้กับร้านค้า
ทั้งนี้ ร้านประชารัฐ สุขใจ shop นับเป็นอีกกลไกในการสนองนโยบายรัฐบาล ในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” ที่เป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งนอกจากจะช่วยผลักดันและส่งเสริมสินค้าในแต่ละท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จัก และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นให้ทั่วถึง รวมถึงเป็นจุดประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่
สำหรับ ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของ 5 หน่วยงานรัฐ ประกอบด้วย 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 2.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) 3.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 4.กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย (พช.) และ 5.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เพื่อเป็นช่องทางส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าคุณภาพในแต่ละพื้นที่ และเป็นจุดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในท้องถิ่น ช่วยสร้างและกระจายรายได้ให้คนในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยที่นำจุดเด่นของแต่ละองค์กรมาร่วมกันพัฒนาโครงการ โดย ททท.เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง และข้อมูลการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ ส่วน สสว.-ธพว. และ พช.จะร่วมกันคัดเลือกและจัดหาสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจชุมชนที่มีคุณภาพของแต่ละจังหวัดมาวางจำหน่าย และบริหารจัดการร้านค้า
สำหรับ ธพว.เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ในโครงการ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ ส่วน ปตท.ให้การสนับสนุนพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ทั่วประเทศ จำนวน 148 แห่ง เพื่อเป็นจุดตั้งร้านเป็นระยะเวลา 3 ปีโดยไม่คิดค่าตอบแทนการใช้พื้นที่
ถือเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการในการสร้างสรรค์ สร้างพลังในการทำความดีให้ประเทศชาติ และสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ตอบรับนโยบายประชารัฐของรัฐบาล สนับสนุนวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของรัฐบาลในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ เพื่อพัฒนาทั้งด้านเสถียรภาพ ความสงบสุข เศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศอย่างยั่งยืน...
พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี