ธุดงค์คุกต่อ! ยื่นฟ้อง‘10อดีตพระเถระ-ฆราวาส’คดีฟอกเงินทอนวัด แยก2วัด วืดประกัน
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ส.ค. พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต 1 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี หรือ“อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และนายสมทรง อรรถกฤษณ์หรือ “อดีตพระอรรถกิจโสภณ” อดีตเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นผู้สนับสนันเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
กรณีที่พวกจำเลยร่วมกันฟอกเงิน จากการทุจริตเงินทอนวัดในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ทั้งนี้ปัจจุบัน อดีตพระเถระทั้งสอง ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง ซึ่งการยื่นฟ้องวันนี้ ก็อยู่ในช่วงฝากขังผัดสุดท้าย (คร้้งที่ 7) ซึ่งอัยการไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่ให้เป็นดุลยพินิจของศาล
ขณะที่เช้าวันเดียวกันนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธงชัย สุขโข “อดีตพระพรหมสิทธิ หรือธงชัย สุขญาโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร,นายบุญทวี คำมา “อดีตพระศรีคุณาภรณ์” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ,นายสมจิตร จันทร์ศรี “อดีตพระครูสิริวิหารการ” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ,นายเทอด วงศ์ชอุ่ม “อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์หรือเจ้าคุณเทอด” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ , นายสังคม สังฆะพัฒน์ “อดีตพระเมธีสุทธิกรและอดีตพระราชอุปเสณาภรณ์” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ,น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านร่วมรับโอนเงิน 25 ล้านบาท,นายทวิช สังข์อยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ, “น.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา”(มารดาของ ร.ท.ฐิติทัศน์) เป็นจำเลยที่ 1-8 เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5), ,มาตรา 5 (1)(2)(3)ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , มาตรา 91 กรณีร่วมกันฟอกเงิน การทุจริตเงินทอนวัดในส่วนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา
โดยอดีตพระเถระทั้ง 8 ราย ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังและไม่ได้รับการประกันตัวเช่นกัน ศาลได้รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.197/2561
ขณะที่วันนี้จำเลยทั้ง 8 ราย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฟ้องคดีนี้ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของจำเลยทั้ง 8 ราย
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์กระทำความผิดของจำเลยกับพวกมีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด เป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ความเสียหายก็เป็นเงินจำนวนสูง อีกทั้งยังเป็นการกระทบกระเทือนต่อพระพุทธศาสนา พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรงและความผิดตามฟ้อง มีอัตราโทษสูง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวก็มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยกับพวกจะหลบหนี
สำหรับความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินทุจริตนั้น ที่ผ่านมามีการฟ้องคดีเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง แล้วเพียง 1 สำนวน คือ“พระครูกิตติ พัชรคุณ”หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เจ้าคณะอ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค ที่อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22ก.พ.61 ที่ผ่านมาเป็นคดีดำหมายเลข อท.38/2561 กรณีที่ร่วม กับ “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อายุ 59 ปี (ยังหลบหนีคดี) สมคบฟอกเงินทอนวัด ต่างๆในเขต จ.เพรชบูรณ์ ,นครสวรรค์ , ตากและชุมพร ราว 28 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
โดยชั้นฝากขัง “พระครูกิตติ พัชรคุณ” ไม่ได้รับการประกันตัว แต่ก็เพิ่งจะได้ประกันตัวชั้นพิจารณาคดี ด้วยหลักทรัพย์ที่ศาลตีราคาประกัน 1.5 ล้านบาท โดยมีการกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้เก็บรักษาหนังสือเดินทางของจำเลยไว้ด้วย ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการรอไต่สวนพยานในชั้นศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี