10 ก.ย.61 นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ประกาศ “วาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วนใน 2 ปี (พ.ศ.2561 - 2562) โดยเร่งให้หน่วยงานพัฒนาหลักสูตรและโครงสร้างทางการศึกษาที่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและบริบทของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเอื้อต่อสิทธิทางการศึกษาของคนกลุ่มเฉพาะ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างการยอมรับในอัตลักษณ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชนและตระหนักในสิทธิของผู้อื่น อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ด้านในปี ค.ศ.2030 (พ.ศ.2573) ตามกรอบขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)
ทาง กสม. เล็งเห็นความสำคัญของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อเร่งสร้างเสริมความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชนศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในสังคมไทย จึงได้จัดงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “สิทธิมนุษยชนศึกษากับวาระแห่งความร่วมมือระดับชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การทำงานด้านสิทธิมนุษยชนศึกษาจากบุคลากรหลากหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น กสม.ผู้แทนจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ผู้บริหารระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม และสถาบันการศึกษา รวมทั้งสื่อมวลชน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา มาปาฐกถาพิเศษเรื่อง “สิทธิมนุษยชนศึกษากับวาระแห่งความร่วมมือระดับชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ซึ่งงานในวันที่ 10 ก.ย.นี้ มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เรื่องการส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างสำนักงาน กสม.กับ 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ โครงการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ กสม.มุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ร่วมมือกันสร้างสรรค์วัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนให้เติบโตงอกงามเป็นรากฐานในวิถีคิดและวิถีชีวิตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นำมาซึ่งความผาสุกของสังคมและประเทศชาติ ตลอดทั้งนำพาประเทศมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติต่อไป
“แผนงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนแก่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ ทหาร อัยการ ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สอดรับกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายของไทยที่มุ่งส่งเสริมการปฏิบัติงานโดยยึดหลักนิติธรรม การใช้หลักธรรมาภิบาลในทุกหน่วยงานและทุกระดับ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ การส่งเสริมความรู้ด้านกฎหมายและจริยธรรมที่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม นิติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จนนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก” ปธ.กสม.กล่าว
ขณะที่ นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กสม.กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการประสานเพื่อให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการ การจัดการเรียนการสอนหรือหลักสูตรหรือกิจกรรมด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล สามารถส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืนแล้ว กสม.ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างเสริมพัฒนาทักษะของบุคลากรในการนำหลักการสิทธิมนุษยชนไปใช้ในการปฏิบัติงานด้านกระบวนการยุติธรรมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสถาบันการศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในหลักการและวิธีการปฏิบัติงานด้านกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล
“งานในวันนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญและใช้ความพยายามในการถ่ายทอดความรู้หลักการสิทธิมนุษยชนเพื่อมุ่งสร้างวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนให้เกิดแก่ครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยบูรณาการหลักสิทธิมนุษยชนให้เข้าไปอยู่ในวิถีปฏิบัติประจำวันทั้งในการใช้ชีวิตและการทำงาน และที่สำคัญ ผู้บริหารและฝ่ายนโยบายจะต้องมีทัศนคติที่ดีและมีสำนึกในเรื่องสิทธิมนุษยชน ปลูกฝังค่านิยมให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานที่เคารพสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลในองค์กร และ กสม.มีความยินดีที่จะเปิดรับพันธมิตรสิทธิมนุษยชนจากทุกภาคส่วน เพราะความร่วมมือจากทุกฝ่าย เปรียบเสมือนการเรียงร้อยภาพเล็กๆ ที่หลากหลายให้เกิดเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์” นางประกายรัตน์ กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักงาน กสม.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเรื่องการส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนกับ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อประสานความร่วมมือทางวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จัดตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในแต่ละภาค ทั้งนี้ กสม.ยังมีแผนงานที่จะสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี