คุก27ปีไม่รอลงอาญา ‘2นายทหาร’ร่วมสมคบค้ามนุษย์‘โรฮีนจา’
เมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 18 ต.ค.61 ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาค้ามนุษย์โรฮินจา หมายเลขดำ คม.1/61 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ หรือนาย ณัฏฐ์สิทธิ์ มากสุวรรณ อดีตรอง ผอ.กรมน.ส่วนหน้าจ.สตูล และน.อ.กัมปนาท สังข์ทองจีน สังกัดกองทัพเรือภาค 3 ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย- พม่า ฝั่งทะเลอันดามัน ร่วมกันเป็นจำเลย ที่1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อช่วงต้นเดือนม.ค.54 - 1 พ.ค.58 จำเลยทั้งสองได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่อำนวยความสะดวกในการกระทำผิดโดยละเว้นไม่กวดขันจับกุม ลักษณะร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น รวมทั้งรับประโยชน์อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นกับพวกสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แบ่งหน้าที่กันทำโดยให้พวกจำเลยซึ่งอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาอายุระหว่าง 15 ปี และอายุเกิน18 ปี จากประเทศบังกลาเทศ และรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา โดยบังคับ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ทารุณโหดร้ายเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายเหล่านี้ต้องไปใช้แรงงานทาสตามประเทศต่างๆ และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชาวต่างด้าวเหล่านั้นไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
เหตุเกิดที่จ.สตูล สงขลา และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า กระทำตามหน้าที่ ไม่มีส่วนร่วมกระทำผิด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐาน ทั้งสองฝ่ายแล้วฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้แจ้งกับพ.ต.ท.ชยพล ใหญ่ยิ่ง สว.สน.ตำรวจน้ำ 3 ซึ่งควบคุมตัวชาวโรฮีนจาไว้ทำนองว่า มีขั้นตอนการปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าวชาวโรฮีนจาไปประเทศที่ 3 และขอให้ส่งตัวคนเหล่านั้นแก่จำเลยที่ 1 แต่ พ.ต.ท.ชยพล พยานยืนยันว่า จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนจึงจะผลักดันได้เฉพาะผู้ที่อยู่บนเรือเท่านั้น จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งให้พยานทำบันทึกส่งมอบตัวชาวโรฮีนจาให้จำเลยที่ 2 จากนั้นมีทหาร6-7นายแต่งเครื่องแบบนำเรือหางยาวมารับชาวโรฮีนจาไป แต่เจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้ลงเรือไปด้วย
ต่อมาอีก 2-3 วัน พยานได้ได้ควบคุมชาวโรฮีนจาที่ลักลอบเข้าเมือง จำเลยที่ 1 ก็มาขอรับตัวไปในลักษณะเดียวกันอีก
ศาลเห็นว่า ตามหลักการปฏิบัติต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล(Standard Operating Proceddure) หรือ S0P ตามหนังสือลับมากของสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติระบุว่า กรณีพบผู้หลบหนีเข้าเมือง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่จำเลยที่ 1 ไปขอรับตัวชาวโรฮีนจาโดยไม่มีอำนาจดำเนินการ ทั้งเมื่อรับตัวแล้วก็ไม่มีการควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ทหาร จำเลยที่ 1 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในเขตพื้นที่รับผิดชอบในการผลักดันคนต่างด้าวชาวโรฮีนจา ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทุจริตด้วยการอ้างความมั่นคง เพื่อขอรับตัวชาวโรฮีนจาที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไว้เองเพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ถือว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีน้ำหนักมั่นคงได้
ส่วน น.อ.กัมปนาท จำเลยที่ 2 รับฟังได้ว่า เป็นผู้นำเช็คเงินสดของธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สาขาเทสโก้โลตัส ระนอง จำนวน 27 ครั้งๆละ 60,000 - 100,000 บาทรวม 1,623,530 จากน.ส.นัยนา ปั้งชวด ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยจำเลยที่ 2 อ้างว่า มีหน้าที่นำเงินค่าเสบียงกำลังพล และเงินค่าปฏิบัติการข่าวเดือนละ 30,000 - 60,000 บาทเข้าบัญชีรวมทั้งเงินที่จำเลยที่ 2 ร่วมทำธุรกิจอาหารทะเล และทำเรือประมงเดือนละ 100,000 - 300,000 บาทนั้น ศาลเห็นว่า จำเลยที่2 ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า รับเงินค่าเสบียงและค่าปฏิบัติการข่าวเข้าบัญชีจริง อีกทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่มีหลักฐานอื่นมาแสดงว่า ร่วมทำธุรกิจส่งอาหาทะเล และทำเรือประมง จึงเป็นข้ออ้างลอยๆ ไม่น่ารับฟัง เพราะเงินที่นำเข้าบัญชีแต่ละครั้งมีจำนวนมากเมื่อรวมกันแล้วมีจำนวนสูงเกินกว่าที่ได้รับจากเงินเดือน
ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติด้วย
พฤติการณ์ของจำเลยที่1 ถือได้ว่า ใช้โอกาสที่ต้องดำเนินการผลักดันหรือปฏิเสธการเข้าเมืองของคนต่างด้าวชาวโรฮีนจา เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเงินหรือผลประโยชน์ค่าตอบแทน ช่วยดูแลการขนส่งชาวโรฮีนจา
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5(1)(2) 825
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6(1),9 วรรคสอง,10
พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากจำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการ จึงต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าให้จำคุกคนละ 8 ปี , ฐานร่วมกันตั้งแต่ 3 คนค้ามนุษย์แก่บุคคลอายุเกิน 18 ปี ระวางโทษเป็น 2 เท่า จำคุกคนละ 12 ปี ฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเป็นเจ้าหน้าที่ค้ามุษย์แก่บุคคลอายุเกิน 18 ปี จำคุกคนละ 6 ปี และฐานร่วมกันรับ และให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าว จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 27 ปี และให้จำเลยชดใช้เงินค่าแก่ผู้เสียหายด้วย ข้อหาอื่นให้ยก
ขณะที่ทนายความกล่าวสั้นๆว่า จะยื่นขอประกันตัวจำเลย และยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี