โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ที่บูรณา
ร่วมมือกันทุกส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน
ถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่ง
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ โดยมีสหกรณ์การเกษตรเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการผลผลิต ตั้งแต่เริ่มการจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกรสมาชิก การดูแลพื้นที่เพาะปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการประสานกับภาคเอกชนเพื่อเปิดจุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ กำหนดจุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่เป้าหมาย
33 จังหวัด ตั้งเป้าทุกอำเภอต้องมีจุดรับซื้อข้าวโพดอย่างน้อย 1 จุด พร้อมกำหนดมาตรฐานการรับซื้อเป็นมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ เบื้องต้น ตกลงราคารับซื้อข้าวโพดแห้งความชื้นไม่เกิน 14.5% กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 8 บาท เชื่อมั่นปลูกแล้วมีตลาดรับซื้อแน่นอน เชิญชวนเกษตรกรตัดสินใจเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม นี้
สำหรับความร่วมมือของภาคเอกชนนั้น เบทาโกร ถือเป็น 1 ใน 15 บริษัท ผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะเข้ามารับซื้อผลผลิตข้าวโพดแบบไม่จำกัดปริมาณ แต่รูปแบบการรับซื้อจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนด คือ จะต้องเป็นข้าวโพดเบอร์ 2 ความชื้นไม่เกิน 18.5% เม็ดเสียไม่เกิน 6% เม็ดแตกไม่เกิน 5% สิ่งเจือปนไม่เกิน 1% เป็นต้น ส่วนราคารับซื้อทางสมาคมอาหารสัตว์รับประกันไว้ที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายที่หน้าโรงงานในกทม.และปริมณฑล ส่วนราคารับซื้อในแต่ละพื้นที่อาจจะแตกต่างกันไปตามคุณภาพ ความชื้น สิ่งเจือปนและค่าขนส่ง ซึ่งจะยึดตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ และใช้มาตรฐานในการรับซื้อเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ โดยบริษัทจะรับซื้อผ่านสหกรณ์นั้นๆ โดยตรง ส่วนสหกรณ์ที่ขาดศักยภาพในการผลิต บริษัทอาจต้องใช้วิธีการซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยประสานให้พ่อค้าเข้าไปรับซื้อข้าวโพดสดจากสหกรณ์ในราคาที่เป็นธรรม แล้วนำไปตาก อบลดความชื้น เป่าฝุ่น หลังจากนั้นทางบริษัทก็จะรับซื้อจากพ่อค้าอีกที เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้อีกทางหนึ่ง และที่สำคัญจะเน้นรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ปลูกในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย มีเอกสารสิทธิ...สำหรับโครงการนี้ ขุนเกษตรา มองว่าหากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันเชิญชวนเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการได้ตามเป้าหมายน่าจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ และจะเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาด้วยการวางแผนการผลิตภาคการเกษตรของประเทศในพืชชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย
กรมประมงเตรียมจัดงาน ประมงรำลึก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ครั้งที่ 8 ภายใต้ แนวคิด “น้อมรำลึก สืบสานงานของพ่อ” ระหว่างวันที่ 7 - 11 พฤศจิกายน 2561 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีต่องานด้านการประมง โดยได้แบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 นิทรรศการปลาพระราชทาน “ปลาของพ่อ” จัดแสดงประวัติความเป็นมาของปลาพระราชทานทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ปลาหมอเทศ ปลานิล ปลากระโห้ และปลานวลจันทร์ทะเล ประกอบกับจัดแสดงปลามีชีวิต โซนที่ 2 นิทรรศการ 70 ปี แห่งการทรงงาน จารึกไว้ในแผ่นดิน “รูปของพ่อ”จัดแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยรวบรวมภาพพระราชกรณียกิจการทรงงานด้านการประมง ที่ตรึงอยู่ในความทรงจำของปวงชนชาวไทย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่มีต่อด้านการประมงไทยตลอดมา โซนที่ 3 โครงการเกษตรอทิตยาทร จัดแสดงนิทรรศการกิจกรรมในโครงการเกษตรอทิตยาทร ซึ่งเป็นโครงการในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เพื่อถ่ายทอดความรู้วิชาการทางการเกษตรตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายในนิทรรศการมีการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ร้านค้าของโครงการฯ และโซนที่ 4 ตลาดส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประมง “ต่อยอดสิ่งที่พ่อให้” เปิดโอกาสให้เกษตรด้านการประมงสามารถนำผลิตภัณฑ์ด้านการประมงมาจำหน่ายภายในงานเพื่อส่งเสริมการตลาดให้แก่เกษตรกร ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จทรงเป็นประธานเปิดงานดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2561 เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี เชิญไปเที่ยวชม ช็อป กันได้ในวันเวลาดังกล่าวนะครับ
ขุนเกษตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี