วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายวิษณุ อรรถวานิช อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการใช้แบบจำลองภาคการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เชิงพื้นที่ คำนวณราคาและการจัดสรรทรัพยากร พบว่าโครงการส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยผลการศึกษาพบว่า ควรมีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนข้าวนาปรัง 1,845,710 ไร่ โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ผลตอบแทนต่อกิโลกรัมสูงกว่านาปรัง หากทำได้ตามเป้าหมายจะทำให้สวัสดิการโดยรวมของสังคมเพิ่มขึ้น 17,624 ล้านบาท
อย่างที่ทราบกันดีว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยส่วนใหญ่ปลูกกันในพื้นที่นอกเขตชลประทานหรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 96-97 ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดทั้งหมด นอกจากนั้น ยังปลูกกันในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมและเหมาะสมต่ำ (S3 และ N) ถึงร้อยละ 33 ของพื้นที่เพาะปลูก ประกอบกับปัญหาอุปทานล้นตลาดของข้าว และปัญหาผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงทำให้รัฐบาลริเริ่มนโยบายบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศหรือที่เรียกกันว่า “โซนนิ่ง” (Zoning) เพื่อใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพร้อมๆ กับการสร้างสมดุลด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาดข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยปัจจุบันรัฐบาลได้พยายามส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนข้าวนาปรัง เนื่องจากความต้องการของโรงงานผลิตอาหารสัตว์มีประมาณ 8 ล้านตันต่อปี ขณะที่ไทยผลิตได้เพียงปีละ 5 ล้านตัน การส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนนาปรังบางส่วน เนื่องจากต้องการลดปริมาณผลผลิตข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของการบริโภคในประเทศและการส่งออก ซึ่งอยู่ที่ 30.88 ล้านตันข้าวเปลือกต่อปี แต่ไทยผลิตได้ปีละ 32.63 ล้านตัน
ข้าวเปลือก จึงมีผลผลิตข้าวส่วนเกินปีละ 1.75 ล้านตัน เป็นผลให้ราคาข้าวตกต่ำ
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยคือตัวเลขผลผลิตต่อไร่ของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รัฐบาลใช้ คือ 1,003 กิโลกรัม/ไร่ เป็นไปได้หรือไม่ เพราะถ้าดูจากข้อมูลในอดีตจะพบว่าตัวเลขค่อนข้างสูงจากที่มีการรายงานโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เมื่อทำการรวบรวมข้อมูลระดับครัวเรือนจากแบบสำรวจภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนและแรงงานเกษตร พบว่า ตัวเลขที่รัฐบาลใช้มีความเป็นไปได้สูง เมื่อลองคำนวณการกระจายตัวของผลผลิตต่อไร่รายครัวเรือนทั่วประเทศ ประกอบกับการคำนวณหาผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ในเดือนที่เกษตรกรรายงานว่ามีปริมาณขายสูงสุด โดยผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยในเดือนมีนาคมมีค่าสูงที่สุด ขณะที่เดือนอื่นๆ ในช่วงฤดูแล้งก็มีผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยสูงกว่า 950 กิโลกรัมต่อไร่ โดยระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 1,014 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนั้นการลงพื้นที่ภาคสนามใน จ.เพชรบูรณ์ เมื่อต้นปีพบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหลังนาส่วนใหญ่สามารถได้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 1,000 กิโลกรัม/ไร่ บางรายสามารถทำได้สูงถึง 1,700 กิโลกรัม/ไร่ ที่ความชื้น 14.5% ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนการปลูกข้าวนา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี