จับสาวสองแสบหลอกตุ๋นญี่ปุ่น แฉเหยื่อนับร้อย-สารภาพแค้นเคยถูกต้มก่อน
4 ก.พ.62 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) แถลงว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) ที่มี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เป็น ผอ.ศูนย์ ได้รับการร้องเรียนจากทางสถานทูตญี่ปุ่น ว่าในระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นกว่า 10 คน ถูกชายลักษณะเป็นหญิงหลอกตุ๋นเงินได้รับความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ถูกหลอกบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีถนนสุขุมวิท และทองหล่อ
ทั้งนี้ ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ออกทำการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่จนทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าว คือ นายอุทัย นันทะขันธ์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.2 ต.นาสอาด อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี
กระทั่งวันที่ 3 ก.พ.62 เวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายอุทัย ในความผิด “ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยบุญอยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ ฯ และได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้จะเลือกเหยื่อเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ซอยทองหล่อ อโศก สุขุมวิท สีลม โดยจะเข้าไปตีสนิทหลอกว่าตนเป็นนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันหรือฮ่องกง เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแต่กระเป๋าสตางค์หาย ไม่มีเงินติดตัว ขอให้เหยื่อช่วยติดต่อกับเพื่อนตามหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถติดต่อได้
เมื่อเหยื่อสงสารจะให้เงินแต่นายอุทัยฯกลับไม่ยอมรับเงิน พร้อมกับแจ้งเหยื่อว่า ได้ติดต่อกับครอบครัวที่ประเทศฮ่องกงหรือไต้หวันให้โอนเงินมาให้ และขอใช้บัญชีธนาคารของเหยื่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งนายอุทัย ได้ใช้วิธีหลอกโอนเงินทางตู้เอทีเอ็ม ว่าเงินได้โอนมาให้เหยื่อแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้เงินได้ ต้องรออีก 3-5 วัน ทางเหยื่อชาวญี่ปุ่นก็หลงเชื่อ และได้ให้เงินสดไป แต่เมื่อครบกำหนดใช้เงินแล้ว กลับไม่มีการโอนเงินเข้ามา
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายอุทัยฯ ได้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้เสียหายหลายร้อยคน ได้เงินร่วมหลาย 10 ล้านบาท โดยนายอุทัย จะนำเงินที่ได้จากการหลอกหลวงในแต่ละครั้ง ไปเที่ยวเตร่ เลี้ยงเด็กผู้ชาย และเล่นการพนันออนไลน์
ขณะที่ นายอุทัย ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สาเหตุที่ทำให้ต้องก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว มาจากในช่วงที่ตนนั้นกำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 2 และได้ไปท่องเที่ยวกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นถูกหลอกโดยปล่อยให้ตนอยู่ที่โรงแรมคนเดียว และต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงรู้สึกคับแค้นใจ นอกจากนี้ ตนยังเคยถูกจำคุกในคดีดังกล่าวมาแล้ว และภายหลังจากการพ้นโทษ ได้มีการโพสต์ข้อความและภาพของตน ในลักษณะแจ้งเตือนชาวญี่ปุ่นบ่อยครั้ง และไม่ยอมหยุด ตนจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงกลับมาลงมือก่อเหตุซ้ำอีก
จากการตรวจสอบพบว่านายอุทัย เคยต้องคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว คือ
1. ปี 2552 ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ทท. ทำการจับกุมตัว “ข้อหาเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สิน หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นนั้น”
2.ปี 2554 ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ทท. ทำการจับกุมตัว “ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง”
3.สน.ทองหล่อ คดีที่ 190/2558 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ทำการจับกุมตัวในข้อหา “ฉ้อโกง”
4.สน.ทองหล่อ คดีที่ 198/2558 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ทำการจับกุมตัวในข้อหา “ยักยอก”
5.สน.ทองหล่อ คดีที่ 205/2558 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ทำการจับกุมตัวในข้อหา “ฉ้อโกง”
และพึ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายปี 2561
ความเสียหายที่ผ่านมาที่สถานทูตได้รับเรื่องไว้
ปี 2554 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 25 ราย มูลค่าความเสียหาย 942,000 บาท
ปี 2555 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 9 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,166,000 บาท
ปี 2557 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 16 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,588,000บาท
ปี 2558 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 2 ราย มูลค่าความเสียหาย 330,000 บาท
ปี 2561 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 8 ราย มูลค่าความเสียหาย 308,000 บาท
รวมมูลค่าความเสียหายที่ผ่านมา ประมาณ 5,334,000 บาท
ทั้งนี้ ทาง ศปอส.ตร. จะได้สืบสวนขยายผลว่ามีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวด้วยหรือไม่หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอนำเรียนประชาชนว่าหากพบการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สายด่วน ศปอส.ตร.1155 ,สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178และสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี