เรื่องการไปทำพิธีส่งมอบข้าวสารของแอปเตอร์ให้ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เมืองคาตามาน ที่เริ่มคุยไปในฉบับก่อน มีหลายคนอาจสงสัยว่า ระบบการแจกจ่ายต่อไปยังประชาชนเขาทำกันอย่างไร ก็ขอเล่าเพิ่มในฉบับนี้ครับ แต่เป็นเฉพาะเรื่องของประเทศฟิลิปปินส์ก่อนนะครับ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานกับแอปเตอร์ของประเทศฟิลิปปินส์ คือ National Food Authority หรือ เอ็นเอฟเอ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานตัวแทนประเทศฟิลิปปินส์ที่ผู้บริหารสูงสุดดำรงตำแหน่งสมาชิกของคณะมนตรีแอปเตอร์ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ เอ็นเอฟเอ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Administrator ความจริงเมื่อเทียบกันแล้ว ถือว่าใหญ่กว่าตำแหน่งอธิบดี และเป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ข้าราชการประจำ แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี มีฐานะเทียบเท่ารัฐมนตรีช่วยว่าการ
เจ้าหน้าที่ที่เป็นข้าราชการประจำจริงๆ เริ่มตั้งแต่ รอง หรือ Deputy Administrator ซึ่งมีอยู่ 2 ตำแหน่งด้วยกัน ดูๆ ไปก็เหมือนกับรัฐวิสาหกิจของไทย เช่น องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. ที่ผู้บริหารสูงสุดเป็นตำแหน่งไม่ถาวร เปลี่ยนไปตามการเมือง ส่วนตำแหน่งรอง กลับเป็นถาวร แต่กระนั้นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจไทยไม่ได้เทียบถึงชั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการ คงเป็นตำแหน่งที่เทียบเท่าหรือค่อนข้างต่ำกว่าอธิบดีเสียด้วยซ้ำ ซึ่งระบบเหล่านี้ก็ต่างกันไปในแต่ละประเทศ ผมคงจะได้กล่าวถึงในฉบับต่อๆ ไป ของประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่พบเห็นให้ท่านผู้อ่านได้ทราบไว้ด้วยครับ
หน่วยงาน เอ็นเอฟเอ ของฟิลิปปินส์ มีหน้าที่หลัก คือ ทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีข้าวกินอย่างพอเพียง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการปลูกข้าวนะครับ เพราะหน้าที่ส่งเสริมการปลูกข้าวเป็นของกระทรวงเกษตร ซึ่งใช้คำภาษาอังกฤษว่า Department of Agriculture ตามระบบของประเทศอเมริกา (ปกติระบบของไทยใช้คำว่า Ministry ตามอย่างประเทศอังกฤษ) แต่ เอ็นเอฟเอ ทำให้มีข้าวพอกินด้วยการเก็บสต็อกไว้ในโกดัง มีวิธีการ คือ (1) ซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาผู้ปลูกโดยตรง กับ (2) สั่งซื้อข้าวสารจากต่างประเทศ ถึงตรงนี้ขอพูดความประหลาดอย่างหนึ่งของอาเซียน คือ ทั้งสิบประเทศที่ประกอบเป็นอาเซียนนี้ เราเป็นทั้งประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งได้แก่ ประเทศไทยและเวียดนาม แต่ขณะเดียวกัน เราก็เป็นประเทศผู้ขาดแคลนและนำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลกในขณะเดียวกัน ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ กับอินโดนีเซีย แต่ที่เหมือนกันทั้ง 10 ประเทศ คือ เราเป็นประเทศผู้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักเหมือนกันทั้งหมด
ประเด็นนี้ จึงเป็นที่มาของคำถามอย่างหนึ่งที่ว่า แล้วพวกเราเป็นเพื่อนใกล้ชิดกัน อีกทั้งยังรวมกันเป็นหนึ่งเดียวมาตั้ง 50 ปี แล้ว เมื่อมีปัญหาที่สามารถช่วยกันได้ แล้วทำไมจึงไม่ช่วยกันก่อนที่จะไปช่วยคนอื่น ก็น่าคิดนะครับ เรื่องนี้ต่างคนต่างมุมมอง เพราะผลประโยชน์ของประเทศ อาจไม่ใช่ผลประโยชน์ของปัจเจกชน เนื่องจากบริษัท/โรงสีข้าวผู้ส่งออกก็อยากจะขายข้าวสร้างมรรคผลกำไรให้กับตนเอง ยิ่งต่างประเทศขาดแคลน ราคายิ่งดี ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงกลายเป็นเรื่องที่ขัดแย้งหรือตรงข้ามกันกับการช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมที่อาเซียนระดับประเทศพึงมี ปัญหาของการอยู่ร่วมกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงสรุปโดยนักพัฒนาตรงกันที่คำว่า “ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือ trust” เป็นประการสำคัญ
ว่าจะพูดถึงระบบแจกจ่ายข้าวของแอปเตอร์ของฟิลิปปินส์ กลับเถลไปไกล กลับมาต่อที่ว่า เอ็นเอฟเอ นอกจากจะทำให้ข้าวมีพอกินแล้ว ยังต้องทำหน้าที่ทำให้ข้าวมีราคาจำหน่ายที่คนสามารถหาซื้อได้ด้วย นั่นหมายถึง เอ็นเอฟเอ จะต้องทำหน้าที่จำหน่ายข้าวสารในราคาต่ำกว่าที่เอกชนจำหน่ายเพื่อถ่วงดุลหรือดึงราคาข้าวในท้องตลาดไม่ให้สูงเกินไป ระบบแบบ เอ็นเอฟเอ นี้ในประเทศอาเซียนที่ขาดแคลนข้าวจะมีคล้ายๆ กัน เช่นในประเทศอินโดนีเซียมีหน่วยงานชื่อว่า Indonesian Bureau of Logistics (BULOG) ส่วนในมาเลเซีย ชื่อว่า Padiberas Nasional Berhad หรือ BERNAS แต่สำหรับประเทศผู้ผลิตข้าวเหลือกินจะไม่มีหน่วยงานลักษณะนี้ ก็ถือเป็นโชคของประเทศไทยครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี