8 พ.ค.62 นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวภายหลังการประชุม “สื่อมวลชนกับการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน” จัดโดยองค์กร Internews และ Global Road Safety Partnership (GRSP) ณ รร.บลิสตัน สุวรรณ พาร์ควิว ย่านเพลินจิต กรุงเทพฯ ว่าตนเป็นห่วงกลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับ - ส่งพัสดุ เช่น เอกสาร อาหาร ตลอดจนสินค้าอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะหลักและต้องทำงานแข่งกับเวลา จึงสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูง จากปัจจัยดังนี้
1.เป็นอาชีพที่คนทำงานมักได้ค่าตอบแทนโดยคิดตามเที่ยวที่ส่งของได้ ยิ่งมีจำนวนเที่ยวส่งของมากยิ่งมีรายได้มาก คล้ายกับกรณีของรถตู้โดยสารที่คนขับรถหวังจะขับให้ได้จำนวนรอบมากๆ ผู้ขับขี่จึงมักใช้ความเร็วสูงเพื่อหวังที่จะกลับมาต่อคิววิ่งรอบต่อไปให้เร็วที่สุด 2.สินค้าบางชนิดมีการโฆษณาว่าจะสามารถส่งให้ลูกค้าได้ภายในเวลาไม่เกินกี่นาที จุดนี้แม้จะเผื่อเวลาไว้ แต่เมื่อออกสู่ท้องถนนจริงอาจเจอปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น การจราจรติดขัด หรือบางหน่วยงานมีช่วงเวลารับของ เหล่านี้เป็นตัวแปรที่กดดันให้ต้องใช้การขับขี่ที่อาจเป็นอันตราย
และ 3.ความไม่ชำนาญในพื้นที่ส่งสินค้า ปัญหานี้เกิดขึ้นได้แม้กระทั่งพนักงานที่มีประสบการณ์และต้นสังกัดกำหนดพื้นที่รับงานไว้ชัดเจน เพราะในบางครั้งการไปส่งของให้ถูกที่ก็ต้องอาศัยการดูสถานที่ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยเฉพาะตัว ที่ลูกค้าบอกมาว่าเป็นที่รับของ ตรงนี้พนักงานหลายคนจะใช้วิธีมือข้างหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือคุยกับลูกค้าบ้างหรือกดดูแผนที่บ้างในขณะที่มืออีกข้างบิดคันเร่งให้รถแล่นไปด้วยซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ควรปรับปรุงเพื่อลดความเสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนนของคนกลุ่มนี้ อาทิ กรณีเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่มีสาขาจำนวนมาก ควรมีระบบการบริหารจัดการโดยกำหนดพื้นที่ให้ผู้ส่งสินค้าแต่ละคนไม่ต้องวิ่งส่งสินค้าในระยะทางไกลจนต้องเร่งทำเวลาด้วยการใช้ความเร็วสูง รวมถึงระบบค่าตอบแทนต้องไม่เน้นไปที่จำนวนเที่ยวเป็นหลัก อย่างน้อยต้องมีเงินเดือนเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในระดับหนึ่งแล้วมากกว่านั้นค่อยเป็นค่าเที่ยววิ่งไป เพื่อลดแรงกดดันที่ทำให้พนักงานต้องเร่งทำรอบ
นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรจัดหาอุปกรณ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน เช่น หากทราบว่าพนักงานต้องโทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้าเพื่อนัดหมายพิกัดสถานที่ส่งของ แม้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการทำให้รายละเอียดเส้นทางรวมถึงการคำนวณเวลาชัดเจนตั้งแต่ก่อนพนักงานจะเดินทางออกจากที่ตั้ง แต่ท้ายที่สุดหากต้องไปหาสถานที่กันอีกครั้งขณะขี่อยู่บนท้องถนน อย่างน้อยควรมีหูฟัง - ไมโครโฟนให้พนักงานสามารถพูดคุยโทรศัพท์กับลูกค้าโดยที่มือไม่ต้องถือโทรศัพท์
รวมถึงหากมีสินค้าที่ต้องไปส่งจำนวนมาก ผู้ประกอบการควรลงทุนใช้รถยนต์จะปลอดภัยกว่า ขณะเดียวกันควรมีกลไกที่ทำให้ผู้จะเข้าสู่อาชีพพนักงานขี่มอเตอร์ไซค์รับ - ส่งสินค้า ได้รับการฝึกอบรมทักษะบางอย่างที่จำเป็น เช่น การใช้เบรก และกรณีที่ผู้ประกอบการจัดซื้อมอเตอร์ไซค์ไว้ให้พนักงานใช้ทำงาน ก็ควรเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีระบบเบรก ABS เพราะเมื่อมีการเบรกกะทันหันก็จะลดการเสียหลักได้ ส่วนกรณีพนักงานส่งเอกสาร หน่วยงานหรือองค์การต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต้องวางแผนเผื่อเวลาให้กับการเดินทางของพนักงานกลุ่มนี้ด้วย
“หน่วยงานที่ไม่เผื่อเวลาให้คนที่ขับขี่บนถนน แล้วไปคาดหวังว่าถ้าคุณรับเอกสารไปคุณต้องไปลงนัดให้ทัน แล้วให้เขาไปลุ้นเอาเอง ไปเสี่ยงเอาเองบนท้องถนน ในเชิงระบบถ้าเรามีการสอบสวนแล้วพบความเสี่ยงลักษณะนี้หน่วยงานต้องเข้ามารับผิดชอบ อาจต้องทบทวนวางหลักเกณฑ์ให้ชัดว่าแมสเซนเจอร์ (Messenger) จะมารับเอกสารไปส่งภายนอก จะต้องมารับเอกสาร รับข้อมูล และต้องมีเวลาให้เขามากพอที่จะไม่ต้องไปเร่งบนถนน” นพ.ธนะพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ แม้รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เผยแพร่เมื่อปลายปี 2561 ประเทศไทยจะมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมากเป็นอันดับ 9 ของโลก ลดลงจากรายงานเมื่อปี 2558 ซึ่งครั้งนั้นไทยอยู่ในอันดับ 2 ของโลก แต่หากแบ่งประเภทผู้เสียชีวิตตามยานพาหนะที่ใช้ พบว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเป็นผู้ขี่มอเตอร์ไซค์มากที่สุดในโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี