ชาวนาสุโขทัยระทม
จำใจปล่อยข้าวยืนต้นตาย
ฝนทิ้งช่วงแล้งเพลี้ยซ้ำ
โขงวิกฤติลดฮวบ40ซม./วัน
จว.อีสานต่ำสุดรอบ50ปี
วิกฤติแล้งหลายจังหวัด อีสานทุบสถิติ น้ำโขงไหลผ่านเลยลดฮวบเฉลี่ยวันละ 40 ซม. เกาะแก่ง สันดอนโผล่เดินข้ามได้“พันโขดแสนไคร้” ชื่อดังเมืองหนองคายโขดหินโผล่นับพัน ขณะที่ชาวนาสุโขทัย-โคราช ระทม หนักหลังฝนทิ้งช่วงไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง ต้องปล่อยข้าวยืนต้นตายหลายร้อยไร่ วอนรัฐช่วยด่วน
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งทั่วประเทศเข้าขั้นวิกฤติ และขยายพื้นที่ต่อเนื่องหลายจังหวัด อย่าง จ.เลย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำโขงได้รับผลกระทบ เนื่องจากปีนี้แม่น้ำโขงลดลงและแห้งเร็วกว่าปกติในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จนไม่สามารถสูบน้ำมาใช้การเกษตรได้ โดยเฉพาะแม่น้ำโขงตั้งแต่ อ.เชียงคาน ถึง อ.ปากชม น้ำแห้งจนเห็นสันดอนทรายเป็นทางยาว และเกาะแก่งกลางน้ำโขง แก่งคุดคู้ โผล่ให้เห็นโขดหินชัดเจนถือว่าหนักสุดในรอบ 10 ปี
น้ำโขงที่เลยลดฮวบ40ซม./วัน
โดยนายอดุลย์ ผลคำ ผู้ใหญ่บ้านน้อย หมู่ที่ 4 ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย เผยว่า ช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา แม่น้ำโขงลดระดับอย่างรวดเร็ว ลดไปแล้วเกือบ 2 เมตร หลังมีกระแสข่าวว่าเขื่อนจีนไม่ระบายน้ำออกมา ประกอบแม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขงต่างเหือดแห้ง ซึ่งปกติช่วงเดือนกรกฎาคม น้ำโขงจะยังเต็มตลิ่งอยู่ แต่ปีนี้ต้องบอกว่าแห้งสุดรอบ 10 ปี ตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยเห็นน้ำโขงแห้งเท่านี้
ด้านเจ้าหน้าที่สำรวจอุทกวิทยาที่ 8 เชียงคานเผยว่า สถานการณ์น้ำโขงในอ.เชียงคาน ระดับแม่น้ำโขงยังลดลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลดลงเฉลี่ยวันละ 30-40 ซม.ต่อวัน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบกับการทำเกษตรของชาวบ้านอยู่ติดกับลำน้ำได้ หนองคาย’พันโขดแสนไคร้’โผล่
เช่นเดียวกับแม่น้ำโขง ที่ไหลผ่าน จ.หนองคายลดระดับต่ำลงกว่าครึ่งเมตรทำสถิติต่ำสุดในรอบ 50 ปี ทำให้มองเห็นฐานเสาตอม่อ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว โป๊ะแพและเรือที่จอดไว้เกยตื้น ส่วนโขดหิน ทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็กนับพันโขดที่เรียกว่า พันโขดแสนไคร้ โผล่ขึ้นมานับพันโขด เดินข้ามไปมาได้ ตั้งแต่เขตบ้านห้วยค้อ บ้านหนอง บ้านภูเขาทองและบ้านม่วง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เป็นบริเวณกว้างประมาณ 300 เมตร ระยะทางยาวตามแม่น้ำโขงกว่า 5 กิโลเมตร น้ำที่เคยไหลผ่านตามซอกโขดหินแห้งขอด เหลือเพียงแอ่งน้ำเล็กๆจนเดินได้ ส่งผลให้การสัญจรทางเรือบริเวณนี้ต้องใช้ร่องน้ำลึกที่อยู่ติดฝั่ง สปป.ลาว เท่านั้น ซึ่งปกติพันโขดแสนไคร้จะมีความสวยงามเมื่อน้ำโขงมีระดับอยู่ระหว่าง 2.50-3.50 เมตร
ทั้งนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดระดับต่อเนื่อง ยวันเดียวกัน ระดับน้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ มีระดับเพียง 80 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่งถึง 11.40 เมตร เทียบกับเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ลดลงถึง 50 ซม. ทุบสถิติระดับน้ำโขงต่ำสุดในรอบ 50 ปี
ปิดปตร.น้ำชีหวั่นขาดน้ำทำประปา
สถานการณ์ภัยแล้งในลุ่มแม่น้ำชี จ.ยโสธร ยังน่าเป็นห่วง เจ้าหน้าที่ชลประทานประจำเขื่อนยโสธร ซึ่งกั้นแม่น้ำชีต้องเร่งปิดประตูระบายน้ำชีทั้ง 8 บาน หลังพบปริมาณน้ำในแม่น้ำชี ลดลงต่อเนื่อง เกรงว่าน้ำดิบในลุ่มแม่น้ำชีจะมีไม่พอผลิตน้ำประปา ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนน้ำแห้งขอด เกิดสันดอนทรายขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลโผล่ขึ้น ชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงเดินข้ามไปมาได้ หลายครอบครัวพลิกวิกฤติเป็นโอกาส จับปลาน้ำจืดท้ายเขื่อน มาเป็นอาหาร และขายสร้างรายได้
ชาวนาสุโขทัยระทมข้าวยืนต้นตาย
อีกด้านหนึ่ง ชาวนาหลายจังหวัดเดือดร้อนหนักไม่แพ้กัน หลังฝนทิ้งช่วงไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงนาข้าวต้องปล่อยให้ต้นข้าวแห้งตายไปต่อหน้า วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ทุ่งนา หมู่ 1 ต.สารจิตร อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย หลังชาวนาในพื้นที่ร้องเรียนเข้ามาว่ากำลังเดือดร้อนมาก เพราะไม่มีฝนตกมานานแล้ว และชลประทานไม่ปล่อยน้ำมาให้ ทุ่งนาหลายร้อยไร่ พื้นดินแตกระแหง ไม่มีน้ำขังหล่อเลี้ยงต้นข้าว บางส่วนใบกำลังเหลืองใกล้ตาย แล้วยังมีเพลี้ยกัดกินใบข้าวซ้ำอีก
นายลภน จินันตะ อายุ 62 ปี ชาวนา หมู่ 1 ต.สารจิตร เปิดเผยว่า ทำนา 45 ไร่ หว่านไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนี้ต้นข้าวสูงแค่คืบเดียว และกำลังแห้งตาย เพราะไม่มีฝนตก ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง ถ้ายังเป็นอย่างนี้ชาวนาก็ได้แต่ยืนมองต้นข้าวตายไปต่อหน้า ทำอะไรไม่ได้ เงินที่ลงทุนไปกว่า 20,000 บาทก็ต้องสูญเปล่า จึงอยากให้ชลประทานปล่อยน้ำมาให้บ้าง
โคราชแล้งนาข้าวสูญนับหมื่นไร่
ที่ จ.นครราชสีมา จากฝนทิ้งช่วงนานกว่า3 เดือนส่งผลให้นาข้าวของเกษตรกร ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.พิมาย อ.ชุมพวง อ.โนนแดง อ.โนนสูง และอ.ประทาย พื้นที่ปลูกข้าวกว่า2หมื่นไร่ ข้าวที่กำลังเจริญเติบโตยืนต้นตายทั้งหมดแล้ว หลังจากประสบภาวะฝนทิ้งช่วงติดต่อกันนาน 3 เดือน ทำให้นาข้าวเสียหายทั้งหมด
ขณะที่ ปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำขนาดใหญ่ก็แห้งขอดเกือบหมดโดยเฉพาะเขื่อนเก็บน้ำอ.พิมาย ปริมาณน้ำแห้งขอดหนัก ไม่สามารถเปิดน้ำระบายไปลงคลองน้ำชลประทานได้ ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตรกรได้ ปีนี้ถือว่าภัยแล้งยาวนานที่สุดในรอบ50ปี คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นยังไม่มีฝนตกในพื้นที่เลย ถ้าภายในสัปดาห์นี้ฝนยังไม่ตกนาข้าวนับแสนไร่จะแห้งตายทั้งหมด
เร่งส่งน้ำช่วยพื้นที่เกษตรเผชิญแล้ง
ขณะที่นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หลายจังหวัดประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง จึงสั่งให้สำนักงานโครงการชลประทานทั่วประเทศช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนโดยด่วน ได้แก่ ตัวเมือง จ.บุรีรัมย์ สำนักงานชลประทานที่ 8 เร่งวางแนวทางจัดหาแหล่งน้ำช่วยผลิตประปา นอกจากนี้ยังเตรียมผันน้ำผ่านทางลำจังหัน-ลำนางรองไปช่วยอีกประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่าง สำนักงานชลประทานที่ 6 เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เป็นวันละ 800,000 ลบ.ม. เขื่อนร้อยเอ็ดเป็นวันละ 350,000 ลบ.ม. และเขื่อนมหาสารคามอีกวันละ 400,000-450,000 ลบ.ม. เพื่อเติมให้กับแม่น้ำชีเหนือเขื่อนวังยาง
ที่ จ.นครราชสีมา สำนักงานชลประทานที่ 8 นำเครื่องสูบน้ำช่วยเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี 1,000 ไร่ ในอ.พิมาย รวมถึงสนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 6 พันลิตร 1ขัดส่งน้ำช่วยชาวบ้าน 154 ครัวเรือน ประชากร 523 ราย นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทยอยเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ และให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก โดยกรมฯจะส่งน้ำแบบรอบเวรหมุนเวียนแต่ละพื้นที่ รวมทั้งขอให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำปิง น่าน และแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดสูบน้ำตามรอบเวรอย่างเคร่งครัด
เขื่อนอุบลรัตน์ระดับน้ำติดลบ
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำใช้การได้จริงน้อยกว่าร้อยละ 30 มี 18 แห่งคือ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชลมีน้ำร้อยละ 25 แม่กวงอุดมธารามีน้ำร้อยละ 25 กิ่วลมมีน้ำร้อยละ 29 แควน้อยบำรุงแดนมีน้ำร้อยละ 25 ห้วยหลวงมีปริมาณน้ำร้อยละ 25 น้ำพุงมีน้ำร้อยละ 13 จุฬาภรณ์มีน้ำร้อยละ 5 อุบลรัตน์มีน้ำร้อยละ -0 ลำปาวมีน้ำร้อยละ 22 ลำพระเพลิงมีน้ำร้อยละ 14 มูลบนมีน้ำร้อยละ 25 ลำนางรองมีน้ำร้อยละ 20 ป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำร้อยละ 5 ทับเสลามีน้ำใช้การร้อยละ 13 กระเสียวมีน้ำร้อยละ 10 ขุนด่านปราการชลมีน้ำร้อยละ 13 คลองสียัดมีน้ำร้อยละ 6 และนฤบดินทรจินดามีน้ำร้อยละ 16 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์วิกฤติ ดังนั้น มาตรการสำคัญขณะนี้คือ ให้โครงการชลประทานทุกแห่งเร่งทำความเข้าใจและขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี