พายุ‘คาจิกิ’ถล่มซ้ำทั่วไทย
อีสานอ่วมหนัก
ร้อยเอ็ด-มุกดาหารยังท่วม
‘อำนาจเจริญ’อพยพนอนวัด
กาฬสินธุ์ประกาศเขตภัยพิบัติ
สุโขทัยถกด่วนน้ำยมล้นตลิ่ง
ประกาศกรมอุตุฯ “คาจิกิ” อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชั่นแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบทั่วไทย มีฝนตกหนักถึงหนักมาก น้ำท่วมน้ำป่าไหลหลากถึง 4 กันยายน อีสานเกือบทั้งภาคเจอฝนข้ามคืน น้ำล้นอ่างฯลำน้ำสาขา หลายจังหวัดยังจมนาข้าวพื้นที่เกษตรเสียหายนับแสนไร่ ด้านผู้ว่าฯสุโขทัยเรียกประชุมด่วนรับมือสถานการณ์หลังน้ำยมล้นตลิ่ง เร่งเสริมทำนบป้องกันเขตเศรษฐกิจ ปภ.เตือนพื้นที่เสี่ยงภัยรับฝนระลอกใหม่
เมื่อวันที่ 3 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ‘คาจิกิ’ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยถึงวันที่ 4 กันยายน ฉบับที่ 9 คาจิกิอ่อนกำลังแต่พ่นพิษถึง4กย.
โดยเวลา 16.00 น พายุโซนร้อนคาจิกิ อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ2 ดีเปรสชันคาจิกิแล้ว บริเวณเมืองสาละวัน ประเทศลาวตอนใต้ และพายุเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเวียดนามและประเทศลาวควรตรวจสอบสภาพอากาศ ก่อนเดินทางด้วย
ทั้งนี้ พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในภาคเหนือ ที่จ.เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ที่จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พายุคาจิกิ จะอ่อนกำลังเป็นระดับ 2 ดีเปรสชั่น แต่ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่างไทย คลื่นสูง 3 เมตร เรือเล็กยังควรงดออกจากฝั่ง
นครพนม-มุกดาหารฝนถล่มซ้ำ
จากอิทธิพลของโซนร้อน”คาจิกิ” ที่ศูนย์กลางอยู่ที่เวียดนามตอนกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตก และตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ซ้ำเติมพื้นที่เดิมที่มีน้ำท่วมขังอยู่ สถานการณ์โดยรวมเกือบทั้งภาคน่าเป็นห่วง อย่างที่จ.นครพนม มีฝนตกตลอดทั้งคืน นายเดชา พลกล้า ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนมกล่าวว่า ในจ.นครพนม มีฝนตกหนักถึงหนักมาก และมีลมแรงหลายพื้นที่ทำให้เขตอ.เมือง อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร อ.บ้านแพง อ.นาแก เกิดน้ำท่วมบ้านเรือน โรงเรียน สถานที่ราชการหลายแห่ง พื้นที่การเกษตรเสียหายหลายกว่า 5,000 ไร่ รวมถึงถนนหลายสายเสียหายจากอุทกภัย
เช่นเดียวกับจ.มุกดาหาร นายวิริยะ ทองผา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารเผยว่า ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังต่อเนื่อง ถนนหลายสายถูกตัดขาด ทางจังหวัดนำถุงยังชีพมาแจกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
น้ำชีหนุนลำปาวท่วมเมืองกาฬสินธุ์
จ.กาฬสินธุ์ เกิดฝนตกตั้งแต่เช้ามืดวันนี้และต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำท่วมขังหลายพื้นที่เพิ่มระดับสูงขึ้น และทำให้ระดับน้ำในลำน้ำปาวและลำน้ำพานเพิ่มขึ้น เนื่องจากแม่น้ำชีหนุน ทำให้น้ำระบายช้าจึงเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน 340 ครัวเรือนในต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชนที่บ้านสุขสวัสดิ์และบ้านกุดอ้อ ประชาชนต่างขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงจ้าละหวั่น นอกจากนี้ ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น ยังทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนในบ้านทุ่งสว่าง และบ้านวังเกาะเหล็ก ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์อีกมากกว่า 100 ครัวเรือน ส่วนสถานการณ์อ่างเก็บน้ำห้วยสีทนที่อยู่ในเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ที่มีปริมาณเกินระดับกักเก็บ ยังคงล้นอ่างลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชน ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ 21 ชุมชน กว่า 1,500 ครัวเรือนถูกน้ำท่วมขังต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือแล้ว
ประกาศเขตภัยพิบัติท่วม-เตรียมอพยพ
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ลำน้ำปาวที่มีปริมาณน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตก ล่าสุดทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ประกาศเตือนให้ประชาชนในอยู่พื้นที่ฝั่งแม่น้ำลำปาวขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเตรียมพร้อมอพยพหากเกิดสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยทั้ง 18 อำเภอ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือ พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมรับสถานการณ์ฝนตกหนัก ที่ทำให้ลำน้ำปาวเพิ่มขึ้น และระดมทุกหน่วยงาสนป้องกันน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองกาฬสินธุ์เพิ่มขึ้นอีก และพื้นที่โดยรอบ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ยางตลาด อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ และอ.ฆ้องชัย ด้านมูลนิธิ ภาคเอกชน และจิตอาสาต่างนำถุงยังชีพออกแจกจ่ายให้ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
พนังกั้นลำน้ำปาวขาดนาข้าวร้อยไร่จม
ขณะที่บริเวณพนังกั้นลำน้ำชีท้ายบ้านดอนปอแดง ม.7 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ นายเอกพงษ์ ศรีโคตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยโพธิ์ นำเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านช่วยกันนำกระสอบทรายอุดรอยขาดของพนังกั้นน้ำ หลังระดับลำน้ำปาวหนุนสูง ทำให้พนังกั้นน้ำขาดเป็นระยะทางยาวกว่า 2 เมตร ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวของประชาชนในต.ห้วยโพธิ์หลายร้อยไร่ในหลายหมู่บ้าน และขยายวงกว้าง เจ้าหน้าที่และชาวบ้านพยายามเร่งอุดรอยขาดให้ได้ภายในวันนี้
อำนาจเจริญชาวบ้านต้องนอนวัด
ที่จ.อำนาจเจริญ ชาวบ้านบ้านดอนว่าน 150 ครัวเรือนที่อพยพมาอยู่ที่วัดพระศรีเจริญและอีกหลายวัดในต.หัวตะพาน อ.หัวตะพาน เนื่องจากน้ำท่วมขังบ้านเรือนสูงกว่า 2 เมตร ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านบางรายต้องขายโคและกระบือทิ้งในราคาถูก เพราะไม่มีที่เลี้ยง ดีกว่าปล่อยให้น้ำท่วมหรืออดตายและช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่นำเรือท้องแบนมาเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากหมู่บ้านที่น้ำท่วมหนักมาอาศัยตามศาลาวัด เพื่อความปลอดภัย อย่างที่บ้านดอนว่าน อ.หัวตะพาน อพยพมาพักนอนที่ศาลาวัดศรีเจริญ ต.หัวตะพาน และคาดว่าจะอยู่อีกหลายวันเพราะปริมาณน้ำยังเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อย จากฝนที่ตกทั้งวันทั้งคืน
หนักสุดร้อยปีฝนตก200มม./วัน
ด้านนายธนูสินธ์ ไชยสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญกล่าวว่า นาข้าวของเกษตรจมอยู่ใต้น้ำหลายแสนไร่ ขณะนี้กำลังออกสำรวจและเตรียมการช่วยเหลือหลังน้ำลด สะพานเสียหายหลายแห่ง กำลังนำสะพานเหล็กมาติดตั้งให้ใช้ทดแทน นอกจากนั้น ยังนำเรือท้องแบนมาช่วยเหลือในการอพยพราษฎรจากพื้นที่น้ำท่วมมายังที่อยู่ที่ปลอดภัย สำหรับน้ำท่วมปีนี้ท่วมใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 100 ปีก็ว่าได้ บางแห่งไม่เคยท่วมก็ท่วม และฝนก็ตกหนัก บางวันวัดได้ 200 กว่ามิลลิเมตร ตกทุกวัน ทั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับอ่างเก็บน้ำทุกอ่างมีการกักเก็บเกินพิกัด และล้นสปิลเวย์ โดยทุกอ่างเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นในพื้นที่อำนาจเจริญและจังหวัดใกล้เคียง เช่น มุกดาหาร ยโสธร อุบลราชธานี
ลำน้ำยังทะลักเสลภูมิอีกระลอก
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจ.ร้อยเอ็ด ที่ต.ขวาว อ.เสลภูมิ มีน้ำท่วมเส้นทางระหว่างหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร นายชัยภัทร ตั้งหลัก นายกเทศมนตรีตำบลขวาว พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำระลอกแรกจากการที่น้ำจากลำน้ำยัง ที่มาจากต.วังหลวงต.นาแซง อ.เสลภูมิ ไหลมาถึงพื้นที่ต.ขวาววันนี้ รวมถึงน้ำจากอ.ธวัชบุรี ส่งผลกระทบนาข้าว 7,000 ไร่ ถนนระหว่างหมู่บ้านน้ำท่วมสูงถึง 50 เซนติเมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ต้องปิดการจราจร ทั้งนี้ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ
น้ำยมล้นท่วมเขตเมืองสุโขทัย
อีกด้านหนึ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มติดตามสถานการณ์แม่น้ำยมในเขตจ.สุโขทัย ที่วันเดียวกันนี้ ปริมาณน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วถึงระดับวิกฤติ 7.60 เมตร และล้นตลิ่งบริเวณเชิงสะพานพระแม่ย่า ม.3 ต.ยางซ้าย อ.เมืองสุโขทัย เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ระดมกำลังช่วยกันวางกระสอบทรายตลอดแนวกว่า 100 เมตร ป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนส่วนบริเวณพนังกั้นน้ำถนนนิกรเกษม หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เขตเศรษฐกิจของตัวเมือง อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำในแม่น้ำยมเขตอ.เมืองสุโขทัยล้นตลิ่งทะลักท่วม 2 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านกระชงค์ หมู่ 3 และบ้านบางหวาน หมู่ 8 ต.ยางซ้าย บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมกว่า 300 หลังคาเรือน และท่วมถนนสายเรียบแม่น้ำยมระยะทาง 500 เมตร ประชาชนต้องขนย้ายสิ่งของมาไว้ข้างถนน พร้อมกรอกกระสอบทรายปิดกั้นริมตลิ่งแม่น้ำยมที่กำลังเอ่อล้น และใช้รถแบ็คโฮขุดดินเสริมคันตลิ่งแม่น้ำยมเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
ผู้ว่าฯถกด่วนรับมวลน้ำทะลัก
ส่วนประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก เร่งระบายน้ำด้านหน้าประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ หลังมวลน้ำที่ไหลมาจากจ.แพร่ ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องก่อนหน้านี้ช่วงพายุโพดุลได้ไหลลงสู่แม่น้ำยมเข้าเขตจ.สุโขทัย โดยจุดแรกที่รับน้ำอยู่ที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ วัดปริมาณน้ำด้านหน้าประตูมีความลึก 11.42 ม. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 552.90 ลบ.ม./วินาที เจ้าหน้าที่ได้เปิดบานประตูจำนวน 5 บานสูง 1.40 ม.
วันเดียวกัน นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเรียกประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำจ.สุโขทัย ที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ป้องกันน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งวางแผนระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด และการผันน้ำเข้าทุ่งทะเลหลวง เพื่อเก็บไว้ใช้ฤดูแล้ง พร้อมกำชับนายอำเภอทุกพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด
พิจิตรประกาศ9อ.พื้นที่ช่วยเหลือ
ล่าสุดทางจังหวัดพิจิตรประกาศพื้นที่ให้การช่วยเหลือ พื้นที่ได้รับผลกระทบ จากพายุ โพดุล มีพื้นที่น้ำท่วม ใน 9 อำเภอ 25 ตำบล 108 หมู่บ้าน ประชาชน ได้รับผลกระทบ 5468 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 83540 ไร่ และ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากการจมน้ำ ซึ่งทางจังหวัดพิจิตร ได้ให้เจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยน้ำท่วม และ เฝ้าติดตามปริมาณน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร พร้อมเทศบาลนำรถแบ็คโฮอุดรอยรั่ว ของพนังกั้นน้ำที่ถูกน้ำป่ากัดเซาะขาดเป็นระยะทาง 10 เมตร ในต.วังทรายพูน อ.วังทรายพูน ทำให้บ้านเรือนชาวบ้าน ถนนในหมู่บ้านถูกน้ำท่วม
ปภ.สั่งทั่วปท.รับมือฝนถล่มน้ำป่า
วันเดียวกัน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)กระทรวงมหาดไทยเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนคาจิกิ ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมา โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มถึงวันที่ 4 กันยายน โดย ปภ.กำชับจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก แยกเป็น ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 7 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม นครนายก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
พื้นที่ติดตามน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง ประกอบด้วย ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ แพร่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ น่าน และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี พื้นที่ติดตามน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ประกอบด้วย ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ภาคกลาง 2 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา พื้นที่ติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรง แยกเป็น ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยกำชับให้ดำเนินมาตรการและแผนเผชิญเหตุ เร่งช่วยผู้ประสบภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี