รับสั่งดูแลประชาชนให้ดี
ร.10ทรงห่วง
บิ๊กตู่ลุยพิษณุโลก-สุโขทัย
จี้17ผู้ว่าฯหาแก้มลิง
เตือน7จว.เจ้าพระยา
เขื่อนระบายน้ำเพิ่ม
อีสานวันที่5ยังอ่วม
นายกฯบินลุยตรวจน้ำท่วม พิษณุโลก สุโขทัย มอบนโยบาย 17 ผู้ว่าฯภาคเหนือ เผยในหลวง ร.10 ทรงห่วง รับสั่งดูแลปชช.ให้ดีที่สุด สั่งเร่งหาพื้นที่กักเก็บมวลน้ำที่ยังเพิ่มขึ้นหลายจังหวัดใช้หน้าแล้ง ส่วนอีสานหลายจังหวัดยังจมบาดาลต่อวันที่ 5 ขณะเหนือตอนล่าง เริ่มน่าห่วง กรมชลฯ แจ้ง 7 จว.ท้ายเขื่อนเข้าพระยา รับมือระบายน้ำเพิ่มถึง’อ่างทอง-อยุธยา’แล้ว ปภ.สรุปพิษพายุโพดุล-คาจิกิ7จว.ยังจม ตายพุ่ง14รายเร่งเยียวยา
เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) แถลงสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุโพดุลและคาจิกิ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน
7จว.ยังอ่วมตายพุ่ง14หาย2อพยพ4จว.
โดยนายชยพลกล่าวว่า พายุโพดุลและคาจิกาทำให้เกิดน้ำสถานการณ์ภัยใน 26 จังหวัด รวม 111 อำเภอ 412 ตำบล 1,789 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล 6 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 60,914 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 14 ราย ที่จ.อำนาจเจริญ 4 ราย ขอนแก่น 3 ราย ร้อยเอ็ด 2 ราย พิจิตร 2 ราย อุบลราชธานี 1 ราย พิษณุโลก 1 ราย และมุกดาหาร 1 ราย สูญหาย 2 รายที่จ.อำนาจเจริญ และน่าน ผู้บาดเจ็บ 1 ราย ที่จ.ชัยภูมิ ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัดได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด อพยพประชาชนรวม 13 จุด 1,118 คน ใน 4 จังหวัดคือ ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี
น้ำทะลักอ่างฯท่วมอำนาจเจริญซ้ำ
ขณะที่สถานการณ์หลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมขังฝนตกต่อเนื่อง อย่างจ.อำนาจเจริญ เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงตลอดเวลา ยังมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตร ถนนหลายสายถูกตัดขาด ทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองอำนาจเจริญ , ชานุมาน , เสนางคนิคม , ลืออำนาจ , พนา , หัวตะพาน และปทุมราชวงศา ซึ่งพืชสวนไร่นาจมน้ำจำนวนมาก ส่วนอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน ต.บุ่ง อ.เมืองที่รับน้ำไว้เกือบ 50 ล้าน ลบ.ม. จากฝนที่ตกหนักตลอดเวลา 6 วัน ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงเกินความจุ ต้องเปิดประตูระบายน้ำทุกจุด รวมถึงตั้งเครื่องสูบผ่านท่อขนาดใหญ่ลงลำคลอง ลำห้วยสาขา ตลอด 24 ชั่วโมง แต่น้ำยังไม่ลดลง กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ น้ำที่ล้นสปิลเวย์ท้ายอ่างฯซัดกระสอบทรายที่กั้นไม่ให้น้ำท่วมบ้านประชาชนท้ายเขื่อนพัง น้ำไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน ผู้นำชุมชนซอยวิจารณ์ และชุมชนบุ่งพัฒนา ประกาศผ่านหอกระจายข่าวให้ประชาชนรีบขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง
บ้านครูสลาจม-อพยพปชช.ไปศูนย์พักพิง
ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลอำนาจเจริญ ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วยปลาแดก สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด
นอกจากนี้ น้ำจากลำเซบาย ไหลท่วม บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะบ้านพักนายสลา คุณวุฒิ หรือ “ครูสลา” นักแต่งเพลงชื่อดังในชุมชน ต.นาหมอม้า อ.เมือง ถูกน้ำท่วมเป็นวันที่ 6 ชาวบ้านต้องอพยพเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว นาข้ามจมน้ำจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ อ.ชานุมาน ฝนที่ตกหนักตลอดเวลา 6 วัน ยังไม่หยุดตก ส่งผลให้ระดับน้ำโขง ที่ หน้าเทศบาลตำบลชานุมาน สูงขึ้นไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน 100 หลังคาเรือน ซึ่งอาศัยอยู่ที่ลุ่ม ริมแม่น้ำโขง ต้องอพยพหนีน้ำไปอยู่ที่พักพิงชั่วคราว นาข้าวจมน้ำเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ ถนน อำนาจเจริญ – สามแยกชมพู – ชานุมาน บริเวณบ้านคำแก้วเมืองเก่า ถูกน้ำเซาะขาด
สารคามท่วม5วันนาข้าวจม1.6แสนไร่
เช่นเดียวกับ จ.มหาสารคาม ซึ่งมีฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำท่วมขังสูงนานเป็นวันที่ 5 จนถึวันนี้นาข้าวและถนนหนทางเข้าหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะที่บ้านลุมพุก และบ้านคอกม้า ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย น้ำบ่าเข้าท่วมเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านสูง 50 เซนติเมตร นาข้าวจมทั้งหมด ถ้าใน 7 วันน้ำไม่ลด ข้าวจะเน่าตายทั้งหมด ร.ต.อ.ตนุพล พันธ์สวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธรณภัยจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมขังถนนเส้นทางหลักเสียหาย 25 จุด ต้องปิดการสัญจร 3 เส้นทาง เพราะน้ำลึกกว่า 1 เมตรเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พร้อมกันนี้ ยังแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำชี ที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้ระดับวิกฤติ ความเสียหายโดยรวมขณะนี้มีพื้นที่ 7 อำเภอขถูกน้ำท่วม ผู้ประสบภัย 1,098 คน 12,069 ครัวเรือน ที่อยู่อาศัยเสียหาย 133 หลัง บ้านเรือนประชาชนที่ถูกน้ำท่วม 263 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 164,709 ไร่ บ่อปลา 22 บ่อ คอกสัตว์ / โรงเรือน 21 หลัง และโรงเรียน 3 แห่ง
ศรีสะเกษยังจม-ปิดรร.หลายอำเภอ
ส่วน จ.ศรีสะเกษ ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องกระจายทุกอำเภอ ทำให้เกิดมีน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลตำบลกันทรารมย์ มีน้ำท่วมถนนพิชิตรังสรรค์ สูง 30-40 เซนติเมตร ถนนด้านหลังโรงเรียนกันทรารมย์ น้ำท่วม 30 เซนติเมตรน้ำเอ่อล้นเข้าในโรงเรียนท่วมใต้ถุนอาคารเรียน ผู้บริหารโรงเรียนจึงสั่งปิดเรียน ขณะที่อ.ศิลาลาดก็มีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรไปแล้วกว่า 500 ไร่ อ.ขุนหาญน้ำท่วมถนนขุนหาญ-กันทรลักษ์ และท่วมโรงเรียนอนุบาลขุนหาญ อ.ยางชุมน้อย น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน 300 หลัง
พิจิตรวัดเก่าแก่102ปีจมเกือบเมตร
สำหรับภาคเหนือตอนล่าง อย่าง จ.พิจิตร สถานการณ์ยังน่าห่วง น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลเข้าท่วมพื้นที่ขยายวงกว้าง โดยเฉพาะ อ.ดงเจริญ อ.บางมูลนาก มวลน้ำที่ไหลมาตามคลองสาขาลงคลองบุษบงมีปริมาณมาก จนล้นคลองเข้าท่วมวัดสำนักขุนเณร อ.ดงเจริญสูง 30 เซนติเมตร ทางวัดต้องหยุดประกอบกิจกรรมทางศาสนา ขณะที่บ้านเรือนประชาชนตามแนวริมคลองได้รับผลกระทบจากน้ำล้นคลอง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 50 หลังคาเรือน เช่นเดียวกับ วัดห้วยเขน อ.บางมูลนาก น้ำไหลเข้าท่วมพระอุโบสถโบราณอายุเก่าแก่ 102 ปี ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดจิตกรรมฝาผนัง เรื่องทศชาติ และพุทธประวัติที่สำคัญ และกรมศิลปากรบูรณะและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ถูกน้ำที่ไหลลงมาท่วมแช่ขังรอบพระอุโบสถและด้านในสูง เกือบ 1 เมตร
พิษณุโลกพนังกั้นน้ำพังเร่งซ่อม
สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิษณุโลกยังน่าห่วง ที่คลองเนินกุ่ม หมู่ที่ 1 ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม ชาวบ้านร่วมกับทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองช่วยซ่อมพนังกั้นน้ำเป็นวันที่ 4 นางวิรัตน์ ใจซื่อ กำนันตำบลเนินกุ่มเผยว่า กระแสน้ำหลากซึ่งไหลมาจากคลองชมพู อ.เนินมะปรางอย่างเร็วและแรงมากกัดเซาะพนังกั้นน้ำแตก 3 จุด ซ่อมได้แล้ว 1 จุด กำลังเร่งซ่อมอีก 2 จุดที่เหลือ เพราะน้ำไหลหลากท่วมนาข้าว ขยายพื้นที่ไปหลายหมู่บ้าน ถ้าซ่อมไม่ได้ ทั้งนี้ ชาวบ้าน ต.วัดตายม และ ต.เนินกุ่ม และ อ.บางกระทุ่ม เดือดร้อนจากน้ำล้นพนังกั้นน้ำท่วมนาข้าวทุกปี อยากให้รัฐบาลหางบสร้างอ่างเก็บน้ำคลองชมพู เป็นแหล่งเก็บน้ำลงคลองเนินกุ่ม เพื่อแก้น้ำท่วมและมีน้ำใช้หน้าแล้ง
สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.พิษณุโลก มี 5 อำเภอคือ อ.เนินมะปราง อ.วังทอง อ.นครไทย อ.ชาติตระการ และ อ.บางกระทุ่ม รวม 36 ตำบล 251 หมู่บ้าน 30,072 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายรวม 119,156 ไร่ อ.เนินมะปราง เสียหายมากที่สุด จำนวน 48,304 ไร่
น้ำยมเกินจุดวิกฤติล้นท่วมเมืองสุโขทัย
ที่ จ.สุโขทัย หลังน้ำยมล้นแนวพนังกั้นน้ำหลายจุด ในตัวเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะ บริเวณ ถ.นิกรเกษม และ ถ.ประเวศนคร ต.ธานี เนื่องมาจากชลประทานเร่งระบายน้ำลงมาจากประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก เพื่อรอรับมวลน้ำก้อนใหม่จาก จ.แพร่ ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้วันนี้ ระดับน้ำยมที่จุดวัดน้ำ Y4 หน้าบ้านพัก ผวจ.สุโขทัย วัดได้ 7.58 เมตร เกินจุดวิกฤติที่ 7.40 เมตรไปแล้ว ทำให้มวลน้ำทะลักจากคอสะพานพระแม่ย่าสะพานข้ามแม่น้ำยม เชื่อมต่อระหว่าง ถ.นิกรเกษม ต.ธานี และถ.ประเวศนคร ต.ยางซ้าย ท่วมชุมชมใกล้เคียง และวัดศรีเสวตวนาราม ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำยมอย่างรวดเร็ว สูง 20 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังมีน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านใหม่วังหว่าน ต.ยางซ้าย พื้นที่ปลูกยาสูบเสียหายวงกว้าง น้ำสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพออกมาพักอยู่ริมถนนสุโขทัย-ยางซ้ายชั่วคราว
เตือน7จว.เขื่อนเข้าระยาเพิ่มระบายน้ำ
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้แจ้งเตือน 7 จังหวัดแนวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ช่วงเวลา 18.00 น. วันนี้ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จะระบายน้ำเพิ่มเป็น 750 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้แม่น้ำน้อย บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำจะเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำระดับน้ำจะสูงประมาณ 10-20 ซม. ก่อนหน้านี้ประสาน จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และ ลพบุรี แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงประชาชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยด้านท้ายประตูระบายน้ำผักไห่ ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
อีก3วันน้ำเหนือมาถึงนครสวรรค์
นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท กล่าวเพิ่มเติมว่า อีก 3 วันข้างหน้าสถานการณ์น้ำเหนือที่จะไหลมาสมทบที่จ.นครสวรรค์วันที่ 7 กันยายน จะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น วัดที่สถานีวัดน้ำ C 2 อ.ชุมแสงวันนี้ 1,227 ลูกบาศก์เมตร (ลบ. ม.) /วินาที เป็น 1,340 ลบ. ม./วินาที จากมวลน้ำเหนือในแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมยังมีปริมาตรมากอยู่ จึงตัดสินใจผันน้ำบางส่วนเข้าจากแม่น้ำน่านไปเก็บกักในบึงบอระเพ็ด ไว้ใช้หน้าแล้ง ทั้งลดปริมาตรน้ำหลากลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาได้ พร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อน อ่างเก็บน้ำในความรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 12 ประตูระบายน้ำ และคลองส่งน้ำต่างๆให้แข็งแรง
ร.10ทรงห่วงรับสั่งดูแลปชช.ดีที่สุด
บ่าย วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จ.พิษณุโลก โดยนายกฯ เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน โดยกล่าวมอบนโยบายว่า ได้กำชับเรื่องพื้นที่กักเก็บน้ำ ให้คุยกับเอกชนที่มีพื้นที่ เพื่อจัดทำที่กักเก็บน้ำใน โครงการต่างๆเพื่อบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำยม จ.พิษณุโลกและสุโขทัย เพื่อให้ได้ประโยชน์ในภาพรวม พร้อมทั้งหาแนวทางบริหารจัดการน้ำอย่าให้ระบายน้ำทิ้งอย่างเดียว แต่ต้องเอามาใช้ประโยชน์ด้านเกษตรด้วย
“ส่วนการช่วยเหลือประชาชนนั้น รัฐบาลเตรียมไว้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น ฝึกอาชีพ ปลูกพืชระยะสั้นที่สร้างรายได้ ทั้งนี้ ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงห่วงและและมีพระราชกระแสรับสั่งมาตลอด ให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด”นายกฯระบุและว่า ตอนนี้ปัญหาสำคัญลำน้ำยมคือ ไม่สามารถสร้างเขื่อนใหญ่ได้ เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น จึงต้องหาวิธีสร้างเขื่อนเล็กแทน แต่สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนตอนนี้คือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว พร้อมขอย้ำว่าข้าราชการระดับจังหวัด ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน ส่งให้รัฐบาล และต้องประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ประชาชน ล่วงหน้าพร้อมจัดเตรียมการดูแลประชาชนรองรับด้วย
สั่งผู้ว่าฯเตรียม-ดึงน้ำเก็บใช้หน้าแล้ง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งเตือนประชาชน ดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังให้เตรียมความพร้อมพายุลูกใหม่ที่อาจมีเข้ามาให้เกิดการทำงานต่อเนื่อง และต้องเตรียมความพร้อมไปยังพื้นที่แนวลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วย และต้องประสานงานกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สทนช. บริหารจัดการน้ำภาพรวม เน้นความสำคัญตอนนี้คือ จูงน้ำไปเก็บไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อนำไปใช้ในหน้าแล้ง ซึ่งต้องจัดทำแผนเป็นรายจังหวัด
“ตอนนี้สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการคือการดูแลประชาชนอย่างทันท่วงที ในทุกด้าน จะต้องมีการประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพหากพื้นที่ไหนต้องอพยพประชาชนต้องแจ้งอย่างรวดเร็ว และช่วยเหลือตามขั้นตอน อย่ากังวลที่จะถูกตำหนิ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถสั่งการด้านนโยบายได้ทันทีตามความเหมาะสม โดยสรุปคือต้องเข้าพื้นที่ โดยเร็วดำรงเส้นทางคมนาคม ดูการดำรงชีพของประชาชน”รมว.มหาดไทย กล่าว
ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนกระทรวงเกษตรฯ เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมฟื้นฟูหลังน้ำลด ซึ่งมอบนโยบายเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดไว้ว่า 1 สัปดาห์หลังน้ำลดต้องมีการรายงานข้อมูลเข้ามา พร้อมย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามจูงน้ำมาใช้ประโยชน์ ภายหลัง และจะต้องพิจารณาแนวทางการเยียวยาที่เหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี