นางทองเหรียญ ยิ่งยืน เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย จังหวัดบึงกาฬ เล่าว่า ตนมีที่นาจำนวน 15 ไร่ ปลูกข้าวพันธุ์ กข 6 กข 18 และขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งปัญหาดินที่พบคือดินเค็ม และดินแข็งกระด้าง อีกทั้งสภาพที่นาไม่สม่ำเสมอคันนาเล็ก ทำให้เก็บกักน้ำไม่อยู่ ข้าวไม่งามเท่าที่ควร ต้องใส่ปุ๋ยเคมีเฉลี่ย 25 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้ต้นทุนค่อนข้างสูง แต่พอทางสถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬเข้ามาทำโครงการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการฯ ในพื้นที่บ้านทรายทอง ตำบลนาสิงห์ อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ตนจึงได้เข้าร่วมโครงการ ได้รับการสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ในการปรับปรุงพื้นที่ดินเค็ม เข้ามาช่วยปรับแปลงนาให้สม่ำเสมอ ทำคันนาให้ใหญ่ขึ้น และรณรงค์ให้เลิกเผาตอซังข้าวเปลี่ยนมาไถกลบแทน พร้อมกับสนับสนุนวัสดุปูนโดโลไมค์ เมล็ดพันธุ์ปอเทืองพืชปุ๋ยสด ปลูกหลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้วไถกลบเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีในการปลูกข้าวฤดูถัดไปได้
หลังจากเข้าร่วมโครงการมาได้ 2 ปี ก็เห็นผลแตกต่างอย่างชัดเจน อย่างแรกการเข้ามาปรับรูปแปลงนาให้สม่ำเสมอแล้วทำคันนาใหญ่ขึ้น ทำให้เก็บกักน้ำได้มากขึ้น พอปลูกปอเทืองช่วยเพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน ควบคู่กับทำน้ำหมักจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา เช่น หอยเชอรี่ หน่อกล้วย ส่งผลให้ข้าวเจริญเติบโตได้ดี จากเดิมที่เคยได้ผลผลิตข้าวอยู่ที่ 400 กิโลกรัมต่อไร่ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 500-600 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยเคมีที่เคยใช้ 5-6 กระสอบ ลดลงเหลือไม่ถึง 3 กระสอบ ที่สำคัญคือคันนาที่เมื่อก่อนทำไว้แค่คนเดินได้ พอมีการปรับคันนาให้ใหญ่ขึ้นสามารถปลูกไม้เศรษฐกิจทนเค็ม อย่างเช่น กระถินออสเตรเลีย ยูคาลิปตัส และยังใช้ปลูกไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัวได้ทุกชนิด โดยตนปลูก กล้วยน้ำว้า มะพร้าว ข่า ตะไคร้ ฯลฯ ไว้บริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายสร้างรายได้เสริมอีกช่องทางหนึ่ง
ตอนนี้สภาพดินดีขึ้นมาก ปลูกข้าวเจริญเติบโตดี พืชที่ปลูกบนคันนาก็งาม สามารถเก็บขายมีรายได้เพิ่มขึ้น จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นแปลงตัวอย่างในการพัฒนาพื้นที่ดินเค็ม ให้เพื่อนเกษตรกรในละแวกบ้านได้เข้ามาศึกษาดูงานเพื่อนำกลับไปพัฒนาของเขา นอกจากนี้ ตนได้เข้าร่วมโครงการนาแปลงใหญ่ และผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานจีเอพีจากกรมการข้าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก้าวต่อไปกำลังเข้าสู่ระยะปรับเปลี่ยนไปสู่การทำนาอินทรีย์ เนื่องจากมองว่าการผลิตข้าวปลอดภัยมีความสำคัญ ชาวนาผู้ผลิตก็ปลอดภัย ผู้บริโภคก็ปลอดภัย ยังเป็นการรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพมากขึ้น ที่สำคัญจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ข้าวของกลุ่มนาแปลงใหญ่ต่อไป
อยากฝากถึงเพื่อนชาวนาที่ประสบปัญหาดินเค็ม ให้ทำตามคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดิน เพราะตนเองลองทำแล้วได้ผลดีจริง สำหรับเกษตรกรบางรายที่มีที่นาไม่มากจึงไม่กล้าทำคันนาใหญ่ ตนจะบอกว่าการปรับคันนาใหญ่ขึ้นก็สามารถปลูกพืชที่สร้างรายได้ให้เราอีกทางหนึ่ง และต้นไม้ยังช่วยดูดซับน้ำเค็มใต้ดินไม่ให้มีผลกระทบต่อพืชที่เราปลูก หากใครสนใจสามารถมาดูงานได้ที่แปลงนาของตน ติดต่อได้ที่ บ้านเลขที่ 155 หมู่ที่ 3 ตำบลนาสิงห์ อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ โทร. 063 272 4401 ยินดีให้คำแนะนำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี