ปัจจัยหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้การลงทุนในพื้นที่ของภาคใต้ตอนล่าง ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรสืบเนื่องจากผู้ประกอบการ หรือ “นักลงทุน”ยกขึ้นมาเป็น “ข้ออ้าง” ในทุกครั้ง ที่มีการนำเสนอเรื่องการ “ลงทุน” ในพื้นที่ คือเรื่องของ “โลจิสติกส์”หรือเรื่องของการ “ขนส่ง”สินค้าออกไปยังต่างประเทศ
เพราะปัจจุบันการ “ส่งออก” ของประเทศยังต้องพึ่งพาประตูจากตอนบน นั้นคือ “ท่าเรือแหลมฉบัง” และอีกทางเลือกของ สินค้าในภาคใต้คือ “ท่าเรือปีนัง” ประเทศมาเลเซีย เป็นเหตุให้นักลงทุน หรือผู้ประกอบการ ลดความสามารถในการแข่งขัน เพราะค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น สู้กับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้
ดังนั้น นักลงทุน ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่พร้อมที่จะลงทุนในพื้นที่ จ.สงขลา และใกล้เคียง จึงเสนอผ่านศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ให้ทำการ “ขับเคลื่อน” เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่อำเภอจะนะจังหวัดสงขลา เพื่อเป็นประตูทางออกที่ 3 หรือเกตเวย์ แห่งที่ 3 ของประเทศไทย
นั่นคือที่มาของสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง แห่งที่ 4 ที่ผลักดันโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในชื่อว่า “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมในอนาคต” ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับเมืองต้นแบบที่ 4 คือ การผลักดันให้เกิดขึ้นของท่าเรือน้ำลึก แห่งที่ 2 ของจังหวัดสงขลา เพื่อเป็นประตูทางออกที่ 3 ของประเทศไทย
ซึ่งการผลักดันให้เกิดท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 2 ของจังหวัดสงขลานั้น ภาคเอกชน ทั้ง นักลงทุน ผู้ประกอบการ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ต่างพยายามผลักดันมาแล้วในหลายรัฐบาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจจะเกิดจากความ “อ่อนด้อย” ของหน่วยงานที่รับผิดชอบตั้งแต่ผู้มีหน้าที่ในระดับจังหวัด จนถึงกรมเจ้าท่ากระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็น “เจ้าภาพ” ที่ยังไม่สามารถ ทำความเข้าใจ กับคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ท่าเรือน้ำลึก” แห่งที่ 2 ของจังหวัดสงขลา และประตูการส่งออกแห่งที่ 3ของประเทศ
เพราะทุกครั้ง ที่ภาครัฐ หรือภาคเอกชน ออกมา “ขับเคลื่อน” เรื่องการสร้างท่าเรือน้ำลึกเพื่อการส่งออก ที่อำเภอจะนะ หรือที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา องค์กรพัฒนาเอกชน หรือ เอ็นจีโอก็จะชิงออกมา “ขับเคลื่อน” โดยอาศัยมวลชน “จัดตั้ง” คัดค้านไม่เห็นด้วย โดยอ้างในเรื่องการทำลาย สิ่งแวดล้อม และเรื่อง มลภาวะ สุขภาพอนามัย ที่คนในพื้นที่จะได้รับ จนทำให้การ“ขับเคลื่อน” เพื่อสร้างท่าเรือ ถูก “แช่แข็ง” เอาไว้จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุน ผู้ประกอบการต้อง “เบนเข็ม” ไปลงทุนในพื้นที่อื่น หรือไม่ก็ “กัดฟัน” ในการส่งออกสินค้าไปทาง ท่าเรือปีนัง โดยยกผลประโยชน์ให้กับประเทศมาเลเซีย เพราะไม่มีทางออกที่ดีกว่า นั่นเอง
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง ณ วันนี้ คือ “เจ้าภาพ” ตัวจริง ในการที่ต้อง “ขับเคลื่อน” เมืองต้นแบบที่ 4 ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การพัฒนาในพื้นที่จะเกิดขึ้นได้ ปัจจัยสำคัญคือ ต้องมีการสร้างท่าเรือน้ำลึก ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ให้เกิดขึ้นก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ให้เขามีพื้นที่ในการแข่งขัน นั่นคือการลดลงของค่าขนส่งสินค้าเพื่อการ “ส่งออก” เมื่อมีท่าเรือเกิดขึ้นจริง อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เป็น อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็จะตามมา
อย่าลืมว่า ปัจจุบันมีสินค้ากว่า 300,000 ตู้ที่ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ ด้วยท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย และในอนาคตจะมีสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น 500,000 ตู้ต่อปี ซึ่งรวมกันเป็น 800,000 ตู้ ดังนั้นถ้า จ.สงขลา มีท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 2 และเป็นประตูเพื่อส่งออกแห่งที่ 3 ของประเทศก็จะมองเห็นอนาคต ของเห็น “ศักยภาพ” ของพื้นที่อย่างชัดเจน
วันนี้ สิ่งที่ ศอ.บต. ได้ดำเนินการ“ขับเคลื่อน” เพื่อการสนับสนุนให้เกิดท่าเรือน้ำลึก เพื่อเป็นประตูส่งออกที่ 3 ของประเทศ คือขบวนการสร้างความรับรู้ สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่ม “ผู้นำ” เพื่อให้เข้าใจ และรับรู้ ร่วมคิด ร่วมคุย ในโครงการที่ ศอ.บต. กำลังขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
โดยการนำผู้นำประชาชน ผู้นำองค์กรภาคเอกชนในพื้นที่ไปศึกษาดูงาน ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย เพื่อให้เขาเห็นของจริง เห็นตู้คอนเทนเนอร์ จากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ที่ต้องอาศัยการส่งออกจากท่าเรือปีนัง ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาของประเทศไทย
ให้เขาไปเห็นนิคมอุตสาหกรรม ในเขตนิคมอุตสาหกรรมในประเทศมาเลเซียที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมะละกา การพัฒนาพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเปรัก การพัฒนาศูนย์กลางโลจิสติกส์ ด้านการขนส่งทางน้ำ ควบคู่กับการพัฒนาและการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่เกาะปีนัง รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การค้า การบริหารการท่องเที่ยวของแต่ละรัฐในประเทศมาเลเซีย เพื่อได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นจริง พบกับประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆ นิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมะละกาว่าความเป็นอยู่ของเขาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมี นิคมอุตสาหกรรม ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบหรือไม่ มีมลภาวะเกิดขึ้นที่กระทบกับสุขภาพ อนามัย อย่างไรบ้าง ให้ตัวแทนจากท้องถิ่น ได้มีโอกาส “พูดคุย” กับคนในชุมชน ที่อยู่ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม ให้เขามีโอกาส “สื่อสาร” กันเอง เพื่อที่จะได้ รับรู้ข้อเท็จจริง โดยที่ไม่มีการ “จัดฉาก” แต่อย่างใด
สถานที่ซึ่ง ศอ.บต. นำผู้นำชาวบ้านผู้นำองค์กรภาคประชาชนไปดูของจริงในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ท่าเรือส่งออก ท่าเรือท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน และอื่นๆ ซึ่งนอกจากได้ “สื่อสาร” จากผู้คนในพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของนิคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเรือต่างๆ แล้ว ยังมีการบรรยายจากหน่วยงานเหล่านั้น ถึงการบริหารจัดการในเรื่องของมลภาวะ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ว่าในยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งมีเทคโนโลยีทันสมัย ในการป้องกัน และจัดการอย่างไร เพื่อให้เห็นถึงการพัฒนา ที่เดินไปพร้อมกันในทุกด้าน และที่สำคัญ คนในพื้นที่ ได้รับประโยชน์ จากการพัฒนาอย่างไร
ซึ่ง ศอ.บต. เชื่อว่า การนำตัวแทนประชาชนตัวแทนภาคเอกชน ไปสัมผัสกับของจริง ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในครั้งนี้ และในครั้งต่อๆ ไป จะเป็นประโยชน์ต่อการ “ขับเคลื่อน” เมืองต้นแบบที่ 4 เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ของอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อเป็นปากเสียง ของศอ.บต. ในการบอกเล่า กับคนในพื้นที่ และสามารถที่จะเห็นด้วย ในการยกระดับพื้นที่และคุณภาพชีวิตให้ไปสู่หนทางแห่งความ “มั่นคง” ของตนเอง และครอบครัว
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี