ไม่เอาจ้างเหมา!‘ลูกจ้างสพฐ.-ภารโรง’บุกศธ. ค้านคำสั่งลอยแพ 6หมื่นคนเดือดร้อน
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 15 ตุลาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) สมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทย และเครือข่ายลูกจ้างชั่วคราว สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กว่า 1,000 คน เดินทางมาปักหลักประท้วงขอความเป็นธรรมที่ ศธ. พร้อมชูป้ายข้อความต่างๆ เพื่อคัดค้านคำสั่งปรับเปลี่ยนวิธีการจ้างจากลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนในสถานศึกษา เป็นวิธีจ้างเหมาบริการเอกชน ก่อนเปิดเทอมในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ทำให้ลูกจ้างชั่วคราวกว่า 60,000 คน ได้รับความเดือดร้อน และไม่มั่นคงในอาชีพ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลูกจ้าง'สพฐ.นครสวรรค์'พร้อมเคลื่อนพลสมทบ บุกทำเนียบค้านคำสั่งลอยแพ)
ต่อมาเวลาประมาณ 09.15 น. นายวิชญ์พงศ์ พุ่มบุญภาคย์ ประธานสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทยฯ และกลุ่มครูธุรการ-ภารโรงทั้งหมด ย้ายเข้าไปที่หน้าอาคารราชวัลลภ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน ขอความเป็นธรรมต่อนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)
นายวิชญ์พงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ลูกจ้างในสังกัด สพฐ.ทั้งหมดเกิดความเดือดร้อนอย่างมากในหมู่ลูกจ้างชั่วคราวในสังกัด สพฐ. กว่า 60,000 คน เนื่องจากปัญหาเมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา สพฐ.ได้ออกหนังสือราชการที่ ศธ 04007/ว5966 เรื่อง การจัดสรรอัตราจ้างเหมาบริการ พ.ศ. 2563 (ครั้งที่ 1) โดยสาระสำคัญหนังสือฉบับนี้ที่ส่งผลให้เกิดปัญหา คือ สำนักงบประมาณ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่จัดสรรเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้แก่ลูกจ้างชั่วคราวทุกตำแหน่ง และให้ สพฐ. ปรับวิธีการจ้างจากเดิมตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว รายเดือนเป็นตำแหน่งจ้างเหมาบริการ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้เกิดการว่างงานของกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวทั้งประเทศ เนื่องจาก สพฐ. ยังไม่อนุมัติงบประมาณเพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกแห่งดำเนินการต่อสัญญาจ้าง เกิดความไม่ชัดเจนในการประสานงานกับสำนักงานประกันสังคม
นายวิชญ์พงศ์ กล่าวอีกว่า แนวทางแก้ไขปัญหาและข้อเรียกร้องตามมติที่ประชุมเครือข่ายลูกจ้างชั่วคราวที่ประสงค์ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และ รมว.ศธ.ช่วยเหลือ คือ ในปีงบประมาณ 2563 สพฐ.ต้องไม่เลิกจ้างลูกจ้างชั่วคราวทุกตำแหน่ง ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ และต้องทำสัญญาจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนเช่นเคย ไม่ทำจ้างเหมาบริการอย่างเด็ดขาด รวมถึงการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมร้อยละ 5 เช่นเดิม และต้องมีหนังสือชี้แจงทำความเข้าใจแก่ สพท.ทั้งประเทศให้ชัดเจน ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมนี้
“ถึงเวลาแล้วที่ ศธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือปฏิรูปอัตรากำลังในส่วนลูกจ้างชั่วคราว ในสถานศึกษาของ สพฐ. ทั้งระบบให้เข้าสู่งบบุคลากรอย่างชัดเจน ถูกระเบียบการจ้าง และเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานให้แก่สถานศึกษามีสิทธิในการคัดเลือกเป็นพนักงานราชการ หรือข้าราชการ และการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยสันติ และตามกฎหมาย ขอให้นายณัฏฐพล ให้ความช่วยเหลือหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจของกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว ในสังกัด สพฐ. ทั้งประเทศ เรามาเรียกร้องสิทธิและต้องการให้ รมว.ศธ. ชี้แจงว่าจะช่วยเหลือพวกเราอย่างไรให้ชัดเจน เราจะไม่หยุด และไม่กลับจนกว่าจะได้ความชัดเจน” นายวิชญ์พงศ์ กล่าว
ต่อมานายธนพร สมศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน รมว.ศธ. ออกมารับเรื่อง และทำความเข้าในกับนายวิชญ์พงศ์ ว่า รมว.ศธ. ติดภารกิจ ทางนายวิชญ์พงศ์ จึงแจ้งกลุ่มผู้ชุมนุมให้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และปักหลักรอนายณัฏฐพล มาอธิบายถึงแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายธนพร สมศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เข้าใจว่าครูธุรการ และนักการภารโรงต่างได้รับความเดือดร้อน และตนได้รับข้อเสนอของทางสมาพันธ์ฯ ไปแจ้งให้กับ รมว.ศธ. เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้ครูธุรการ และลูกจ้างชั่วคราวในตำแหน่งอื่นๆในสถานศึกษาไปพร้อมกัน ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนมีการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 นี้อย่างแน่นอน และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการลอยแพ หรือทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี