สมาพันธ์เกษตรฯรุกคืบ
ขอพบนายกฯด่วนที่สุด
จี้ทบทวนมติแบน3สาร
สมาพันธ์เกษตรปลอดภัยฯส่งหนังสือด่วนขอพบนายกฯหารือมาตรการดูแล ลดผลกระทบหลังยกเลิก 3 สารเคมีทางการเกษตร เพื่อให้ทันเพาะปลูกฤดูใหม่ จี้ทบทวนมติแบนพร้อมให้เปิดรายละเอียดผลปะชุมกก.วัตถุอันตราย 22 ต.ค.ภายใน 7 วัน เชื่อเร่งพิจารณาทั้งที่ไร้ข้อมูลใหม่ ทวงสัญญาก.อุตฯหามาตรการรองรับ
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยเปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดขอเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ไม่ให้เกิดผลกระทบจากการยกเลิกสารเคมีการเกษตร 3 ชนิดคือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ให้ทันก่อนฤดูเพาะปลูกใหม่ พร้อมขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเห็นว่า ขัดคำสั่งนายกฯที่ให้คณะทำงาน 4 ฝ่ายหารือและรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สารเคมี 3 ชนิด แต่กระทรวงเกษตรฯไม่เปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ใช้สารเคมีดังกล่าวเข้าให้ข้อมูลแม้แต่รายเดียว
สำหรับการลงมติยกเลิกของคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่ 22 ตุลาคมนั้น นายสุกรรณ์กล่าวว่า ไม่มีความชัดเจนว้า ข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณาครบถ้วนตามหลักวิชาการหรือไม่ อีกทั้ง ผลการพิจารณาลงมติแตกต่างจากก่อนหน้าที่ให้จำกัดการใช้ โดยไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ จึงมีข้อสงสัยว่า การดำเนินการดังกล่าวถูกต้องตามหลักกระบวนการอันควรแห่งกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากตั้งแต่การนำเสนอข้อมูลโดยกระทรวงเกษตรฯไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตราย จากนั้นมีการประชุมเพียงหนึ่งครั้ง แล้วลงมติยกเลิกสารเคมีทางการเกษตรทันที จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอนุญาตให้เข้าพบเพื่อหารือโดยเร็ว
นายสุกรรณ์ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ ทางสมาพันธ์ฯยังทำหนังสือถึงนายภานุวัฒน์ ตรียางกูรศรี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า เกษตรกรพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด สับสนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ให้เปลี่ยนสถานะของสาร 3 ชนิด จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งต่างไปจากมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ให้จำกัดการใช้ โดยมีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ที่สำคัญเกษตรกรเห็นว่า ยังไม่ได้เตรียมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกะทันหัน วันที่ 1 ธันวาคม จะส่งผลกระทบกับเกษตรกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ ในแถลงการณ์คณะกรรมกรวัตถุอันตราย ครั้งที่ 41-9/2562 เรื่อง “กระทรวงเกษตรฯเสนอให้ปรับวัตถุอันตรายพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4” ก็มีเนื้อหาเพียง 1 หน้ากระดาษ ไม่ได้นำเสนอเหตุผลที่ใช้ประกอบการพิจารณาลงมติอย่างรอบด้านและครบถ้วน จึงเรียกร้องให้เปิดเผยรายงานและเอกสารประกอบการประชุมคณะกรรมการฯวันที่ 22 ตุลาคมทั้งหมดภายใน 7 วัน”นายสุกรรณ์กล่าว
และว่า ถ้าไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่แตกต่างออกไปจากเดิม เหตุใดประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายจึงวินิจฉัยให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายลงมติ หรือหากมีหลักฐานวิชาการที่แตกต่างจากเดิม เพราะเหตุใดจึงเร่งลงมติวันดังกล่าว โดยไม่มีขั้นตอนพิจารณาหลักฐานเหล่านั้นโดยผู้เชี่ยวชาญ” นายสุกรรณ์กล่าว
นายสุกรรณ์ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้ ได้ทำหนังสือถึงนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งกล่าวต่อกลุ่มเกษตรกรหลังการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่ 22 ตุลาคมว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมห่วงใยกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมติดังกล่าว และสั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง นำเสนอ เพื่อกำหนดมาตรการรองรับ โดยจะรับฟังเกษตรกรด้วย จึงขอให้ชี้แจงว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีขอบเขตหน้าที่ ขั้นตอนดำเนินงานอย่างไร ประสงค์จะให้สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เข้าชี้แจงข้อมูลวัน เวลา และสถานที่ใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี