13 ธันวาคม 2562 นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เชิญชวนชาวนาเกลือขึ้นทะเบียนเกษตรกรต่อกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการชุดดังกล่าว ทั้งนี้คณะกรรมการพัฒนานาเกลือมีแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านเกลือทะเลไทย ให้มีความเหมาะสมชัดเจน ครอบคลุม และสอดคล้องกับบริบทการดำเนินงานในปัจจุบันและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาที่เกษตรกรชาวนาเกลือประสบทั้งจากภัยธรรมชาติและการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศ ในการนี้กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดตั้งสำนักเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทยขึ้น เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆต่อไป
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวอีกว่า โดยปกติแล้วการผลิตเกลือสมุทรมีช่วงเวลาที่สามารถผลิตได้เพียงในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน - 30 เมษายน ของปีถัดไป จึงขอให้เกษตรกรชาวนาเกลือ มาขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2562/63 ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและเกษตรจังหวัด ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 เพื่อรับสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยสามารถแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร การทำนาเกลือสมุทรได้หลังจากวันที่ปล่อยน้ำเข้าแปลงแล้ว 1 วัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะตรวจสอบพื้นที่ตามที่เกษตรกรได้แจ้งไว้ภายในไม่เกิน 60 วัน ต่อไป
ทั้งนี้การทำนาเกลือได้รับการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าอาชีพทำเกลือทะเลเป็นอาชีพเกษตรกรรมในปี 2561 จากนั้นจึงจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เกลือทะเลไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน เพื่อจัดทำมาตรฐานเกลือทะเล ร่างพระราชบัญญัติเกลือทะเล จัดตั้งสถาบันเกลือทะเล และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของชาวนาเกลือตามยุทธศาสตร์เกลือทะเลไทย พ.ศ. 2560-2564
สำหรับการทำนาเกลือมี 7 จังหวัด คือ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา และปัตตานี มีพื้นที่มากกว่า 60,000 ไร่ ผลผลิตประมาณ 900,000 ตันต่อปี ชาวนาเกลือร้องเรียนปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำตั้งแต่ปี 2557 ต้นทุนเกวียนละ 1,600 บาท แต่ขายได้เกวียนละ 700 บาท ขาดทุนเรื่อยมา จนเกิดปัญหาหนี้สินสะสมรวมกันมากกว่า 517 ล้านบาท อีกทั้งผลผลิตเกลือธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและมาตรฐานอาหารที่กำหนดว่าเกลือบริโภคต้องเติมสารไอโอดีน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เกลือทะเล โดยปรับระบบการผลิตเกลือทะเลให้มีต้นทุนต่ำเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และมีช่องทางการตลาดมากขึ้น ล่าสุดมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีได้วิจัยนำเกลือมาสร้างนวัตกรรมผลผลิตใหม่ๆ ได้แก่ การพัฒนาดอกเกลือทะเลแห้ง สูตรปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพด้วยขี้แดดนาเกลือในระบบปลูกพืชไฮโดรโพรนิกส์ สูตรปุ๋ยขี้แดดนาเกลือ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตของผลไม้และไม้ตัดดอกเป็นต้น และเตรียมจัดตั้งสถาบันเกลือทะเลไทย เพื่อยกมาตรฐานการผลิตเกลือทะเลให้มีการผลิตแบบอุตสาหกรรม
ชาวนาเกลือประสบปัญหาหนี้สินเนื่องจากราคาตกต่ำและรายได้ไม่เพียงพอซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ สนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรวงเงิน 52.5 ล้านบาท
อีกทั้งมีสหกรณ์การเกษตร 4 แห่งร่วมโครงการ ได้แก่ สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร สหกรณ์การเกษตรนาเกลือสมุทรสาคร สหกรณ์การเกษตรนาเกลือสมุทรสงคราม และกลุ่มเกษตรกรนาเกลือบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี รับประกันราคาเกลือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของราคาตลาด โดยสามารถเก็บเกลือไว้ที่ยุ้งฉางของสหกรณ์หรือของเกษตรกร เป้าหมายเฉลี่ยเกวียนละ 2,500 บาท (1 เกวียนเท่ากับ 1,600 กิโลกรัม)
ขณะนี้กำลังเตรียมทำรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่และสำรวจความต้องการใช้เกลือตามนโยบายตลาดนำการผลิต พบว่า ปริมาณการใช้เกลือในประเทศมีประมาณปีละ 900,000 ตัน โดยใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูป (รวมเพื่อการส่งออก) 450,000 ตันต่อปี อุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา 430,000 ตันต่อปี อุตสาหกรรมผลิตซอสปรุงรสและผักผลไม้ดองในน้ำเกลือ รวมถึงอาหารทะเลในน้ำเกลือ 20,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เกลือสินเธาว์ที่ผลิตได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและมาตรฐานอาหาร
ดังนั้น จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการด้านการตลาดนำการผลิตเกลือทะเล เพื่อแก้ปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำ ช่วยเหลือให้ชาวนาเกลือให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พ้นภาวะหนี้สิน และทำนาเกลือทะเลเป็นอาชีพที่สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี