เมื่อวันวาน ได้แสดงความชื่นชมยินดีไปกับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.แห่งหนึ่ง ที่ใช้ช่วงเวลาของ “การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ให้กับนักเรียน
ทำเบเกอรี่ เพราะมองเห็นว่า เป็นการกำหนดวิชาที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันยุคทันสมัย คือความรู้ที่ได้รับ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที แบบว่ากลับไปถึงบ้านก็นำเอาความรู้ไปทำประโยชน์เลยว่างั้นเถอะ
วันนี้เลยทำให้นึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมว่ายุคนี้ การสั่งสมความรู้ หวังจะได้นำเอาไปใช้ประโยชน์ในอนาคตนั้น มีความจำเป็นน้อยกว่าการรับความรู้วันนี้แล้วก็ใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยดีกว่า
วันนี้และพรุ่งนี้ ผมเชื่อว่าคนที่ได้ยินข่าวเรื่องของอมริกากับอิหร่าน ประกาศเป็นศัตรูกัน คงจะรู้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะมันมีโอกาสที่จะลุกลามใหญ่โตขึ้นมาได้ จึงทำให้คิดได้ว่า นอกจากความรู้ที่เป็นรูปธรรมแล้ว ความรู้ที่เป็นข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของสังคมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โรงเรียนทุกโรงเรียนควรสอดแทรกเป็นความรู้ให้กับเด็กๆ ได้รับรู้อย่างเป็นปัจจุบันทุกวัน เพราะเด็กๆ ย่อมมีโอกาสในการเสพข่าวจากสื่อทางสังคมได้น้อยกว่าผู้ใหญ่
เป็นได้ไหม?? ที่โรงเรียนในสังกัด สพฐ.จะจัดหาครูที่มีความสนใจในเรื่องของ ข่าวสารความเคลื่อนไหวของสังคม (ทั้งสังคมโลก และสังคมในประเทศ) เอามาเล่าให้เด็กฟัง ในช่วงหลังเคารพธงชาติ หรือ นำเอาไปเป็นกิจกรรมประจำทุกวันศุกร์ จัดให้มีการอบรมคุณธรรม สวดมนต์ไหว้พระทุกสัปดาห์ ซึ่งเมื่อเสร็จการสวดมนต์แล้วก็ให้ครูนำเอาเรื่องราวทางสังคมมาเล่าเชิงวิเคราะห์ให้เด็กๆเข้าใจถึงความเคลื่อนไหวของสังคม ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคม (ในเวลานี้)จะส่งผลต่อเนื่องไปยังสังคมส่วนใหญ่ได้อย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม อาทิ เรื่องวิ่งไล่ลุง, เรื่องเดินเชียร์ลุง, เรื่องน้ำแล้ง, เรื่องน้ำประปาเค็มแม้แต่เรื่องต่างประเทศ อย่างอเมริกากับอิหร่าน หรือเรื่องไฟป่าในออสเตรเลียเป็นต้น
ซึ่งการนำมาเล่าก็ไม่ต้องยืดเยื้อหรือใส่ความคิดลงไปว่า สิ่งที่ตัวเองคิดคือความเป็นจริง แต่ต้องบอกแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ในแนวทางอื่นๆ ด้วย ซึ่งหากทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นการ เปิดสมรรถภาพทางสมองของเด็กไทยได้อีกทางหนึ่ง เพื่อให้เด็ก คิดเป็นทำเป็น สามารถใช้สมองได้ทั้ง ซีกซ้ายและซีกขวา
แม้อาจจะมีบางคนคิดว่า การกระทำเช่นนี้จะกลายเป็นการครอบงำทางความคิดให้กับเยาวชนของชาติ ผมว่าผลงานเป็นตัวชี้เจตนาของคนทำ ถ้าภาครัฐกลัวจะเป็นการครอบงำ ก็คอยวัดผลจากงานของแต่ละโรงเรียนได้ว่า “เขามีเจตนาอะไรแฝงอยู่หรือว่าไม่” ??
โดย...ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี