เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 ที่ ป.ป.ช.สนามบินน้ำ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าให้ปากคำในฐานะพยานปากแรก ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม เข้ายื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ โครงการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ และรถสายตรวจอัจฉริยะ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงิน 2,100 ล้านบาท ที่ส่อไปในทางทุจริต โดยได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.นัดมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งวันนี้จะบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าในข้อมูลอีก 2 - 3 คน และคาดว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลไม่ต่ำกว่า 40 - 50 คน ตนให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวเป็นวันสุดท้าย ซึ่งเป็นวันที่รอมานาน เมื่อความยุติธรรมในองค์กรไม่สามารถหาได้ก็ต้องออกมาพึ่งพาองค์กรภายนอก หลังจากนี้จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ อีก ให้เป็นตามขั้นตอนของ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบและพิจารณาความผิด ได้หลักฐานมามอบให้ ป.ป.ช.และข้อมูลทั้งหมดมีอยู่ในหัวหมดแล้ว และ ป.ป.ช.น่าจะมีข้อมูลมากอยู่แล้ว รวมถึงเอกสารจากทนายษิทรา
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ระบบไบโอแมทริกซ์เป็นระบบที่ดี เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการคัดกรอง คนร้ายเดินทางเข้าประเทศ ตนไม่ต่อต้านระบบนี้ แต่งบประมาณในการจัดซื้อดังกล่าวมีการขยายจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท โดยใช้งบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โอนไปยังงบกลางในการจัดซื้อ แต่ระบบดังกล่าวมีการส่งงานล่าช้า ไม่ตรงตามเวลาหลายรอบ และระบบไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณต่างๆ ได้ตรงตาม TOR จึงทำให้ต้องมีการบอกเลิกสัญญา
ส่วนเรื่องรถสายตรวจอัจฉริยะ มีการดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนตนจะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตนไม่ได้ดำเนินการใดๆ เป็นการใช้งบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ส่วนกลางเป็นฝ่ายจัดซื้อเอง ซึ่งมองว่าการสั่งซื้อรถ BMW เป็นการซื้อขายขาดจำนวน 260 คัน มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท เป็นรถไฟฟ้า ที่ต้องใช้ Wi-Fi แต่ไม่สามารถนำไปใช้ตามด่านต่างๆ ได้ จึงจอดไว้เฉยๆ ซึ่งหากจะนำไปเติมน้ำมันก็ผิดข้อตกลงของ TOR ซึ่งแสดงให้เห็นข้อพิรุธหลายอย่าง
จากนั้นเวลา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังให้ข้อมูลว่า ได้ให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.ใน 2 ประเด็น คือ การทุจริต และความคุ้มค่าของทางราชการ ในการสั่งซื้อซึ่งมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบ้าง หลังจากนี้จะกลับไปรวบรวม ทำเปรียบเทียบราคา และจะมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า พร้อมเตือนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เลิกพูดในประเด็นดังกล่าวได้แล้ว ทราบว่าระบบดังกล่าวสามารถจับคนร้ายได้ แต่ประเด็นที่ชาวบ้านอยากรู้คือ การทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบ้าง และความคุ้มค่าของทางราชการ พูดมากๆ อาจเข้าตัวได้
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้นายษิทรา ได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้มีการไต่สวนโครงการจัดซื้อไบโอแมทริกซ์ และรถสายตรวจอัจฉริยะ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยมีการขยายวงเงินจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท รวมถึงการติดตั้งไม่เป็นไปตาม TOR มีการติดตั้งที่เกินระยะเวลา ซึ่งใน TOR ระบุว่าหากติดตั้งไม่ตรงตามเวลา บริษัทผู้รับเหมาจะต้องถูกปรับวันละ 5,000 ล้านบาท แต่กลับมีการขยายระยะเวลาให้กับบริษัทผู้ติดตั้ง ซึ่งส่อไปในทางทุจริต ทำให้หน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหาย ส่วนโครงการรถสายตรวจอัจฉริยะ พบสเปคสูงเกินไป ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า เนื่องจากมีราคาสูงถึงคันละ 4,000,000 บาท แต่ไม่สามารถเกาะสัญญาณ Wi-Fi ได้ ฯลฯ ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นคนบอกเลิกสัญญาโครงการไบโอแมทริกซ์ แต่กลับมีการดำเนินการต่อในสมัย ผบช.คนต่อมา และต่อมาตำรวจทั้ง 13 คน ที่เกี่ยวข้อง กับการตรวจรับมอบเครื่องมือดังกล่าว และพบความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้าง กลับถูกย้ายไปประจำการในตำแหน่งอื่น และมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาตรวจรับแทน ส่วนเรื่องรถสายตรวจอัจฉริยะ พบมีการดำเนินการเสร็จก่อนที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี