ทะลุเป้า!เลขาศาลฯแถลงผลงานปี62 เปิด10อันดับ‘ข้อหา’ขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด
19 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุมสำนักงานศาลยุติธรรม นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานของศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม ในภาพรวมประจำปี 2562 ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2562
นายสราวุธ กล่าวว่า ในรอบปีที่ผ่านมาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา สามารถพิจารณาคดีเสร็จตามเวลาเป้าหมายที่ประธานศาลฎีกาเคยให้นโยบายไว้ คือ ในส่วนของศาลชั้นต้นที่จะต้องพิจารณาคดีให้เสร็จภายใน 2 ปีนั้น สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและนโยบายของประธานศาลฎีกา คิดเป็น 99.97% ส่วนศาลอุทธรณ์จะต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 6 เดือน สามารถดำเนินการได้ 98.64% ขณะที่ศาลฎีกาต้องพิจารณาคดีให้เสร็จภายใน 1 ปี ดำเนินการได้ 86.41%
ขณะที่ศาลชั้นต้นทั่วประเทศ มีคดีสู่การพิจารณา 1,889,080 คดี พิจารณา เสร็จ 1,627,752 คดี , ศาลชั้นอุทธรณ์ มี 64,225 คดี พิจารณาเสร็จ 57,924 คดี และศาลฎีกา จำนวน 10,466 คดี พิจารณาเสร็จ 7,911 คดี
เมื่อรวมทั้ง 3 ชั้นศาลแล้ว มีคดีที่ศาลรับพิจารณาไว้ทั้งสิ้น 1,963,771 คดี พิจารณาเสร็จ 1,693,587 คดี คิดเป็น 86% แบ่งเป็นประเภทคดีแพ่ง 1,305,658 คดี 66% และคดีอาญา 658,113 คดี 34%
ส่วนสถิติจำนวนข้อหาที่ขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ 363,125 ข้อหา , 2.สินเชื่อบุคคล 293,899 ข้อหา , 3.พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ 213,888 ข้อหา , 4.บัตรเครดิต 168,347 ข้อหา , 5.กู้ยืม 138,420 ข้อหา , 6.ขอจัดการมรดก 103,711 ข้อหา , 7.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 92,472 ข้อหา 8.เช่าซื้อ (รถยนต์) 86,406 ข้อหา 9.ละเมิด 34,426 และข้อหา 10.พ.ร.บ. การพนัน 32,936 ข้อหา
นายสราวุธ ยังกล่าวถึงสถิติการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลข้อเท้า EM สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยตัวชั่วคราวด้วย ว่า รอบปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 8,129 เครื่อง ซึ่งฐานความผิดสูงสุด 5 อันดับที่ใช้ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ จำนวน 2,332 คดี , 2.ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ จำนวน 1,609 คดี , 3.พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวน 769 คดี , 4.ความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย จำนวน 675 คดี, 5.พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ จำนวน 356 คดี
ส่วนศาลที่มีการใช้กำไลข้อเท้า EM สูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ศาลอาญา จำนวน 609 เครื่อง , 2.ศาลจังหวัดนนทบุรี จำนวน 269 เครื่อง , 3 ศาลจังหวัดภูเก็ต จำนวน 259 เครื่อง , 4.ศาลจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 211 เครื่อง , และ5.ศาลอาญากรุงเทพใต้ จำนวน 207 เครื่อง
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการอำนวยความยุติธรรมการพิจารณาพิพากษาคดี (D-Court) ว่า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดและขยายผลระบบให้บริการข้อมูลและอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ส่งเสริมและผลักดันให้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดีและสนับสนุนการพิจารณาพิพากษาคดีและการปฏิบัติงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน , มีระบบงานที่ทันสมัย ลดการใช้กระดาษและลดภาระในการจัดเอกสาร , พัฒนาระบบสารสนเทศศาลยุติธรรม บูรณาการความร่วมมือ
นอกจากนี้ยังขยายการเชื่อมโยงข้อมูลด้านต่างๆ กับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมบังคับคดี(ข้อมูลหมายบังคับคดี) กรมคุมประพฤติ (ข้อมูลผลการสืบเสาะและพินิจอำนาจ) , กรมราชทัณฑ์(ระบบข้อมูลผู้ต้องขัง) , สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ข้อมูลสารบบคดีกับระบบ NSW ของสำนักงานอัยการสูงสุด และระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ข้อมูลคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักร) สำนักงานตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท (ข้อมูลหมายจับระบบ AWIS) ซึ่งจะส่งผลให้การอำนวยความยุติธรรมมีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนผู้มีอรรถคดี
สำหรับแผนงานในปี 2563 ศาลยุติธรรมจะพัฒนาการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ต้องหากับหน่วยงานอื่น เช่น ระบบไบโอเมทริกซ์ ตรวจสอบใบหน้าบุคคล จะมีการหารือร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพัฒนาร่วมกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการตรวจสอบผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ และติดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกราบอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี