วันที่ 31 มกราคม 2563 ในงานสัมมนา “เวทีสานพลังสูงวัยสร้างเมือง” ที่ รร.ดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ผศ.ดร.พจนา พิชิตปัจจา รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงฐานข้อมูลของท้องถิ่นหรือชุมชน ซึ่งโดยปกติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มักได้รับมอบหมายให้เก็บข้อมูลด้านต่างๆ ในพื้นที่อยู่แล้ว
แต่ปัญหาที่พบคือท้องถิ่นไม่ใช่เจ้าของข้อมูลเหล่านั้นและเมื่อท้องถิ่นจะขอนำข้อมูลมาใช้ก็ยากมาก ดังนั้นจึงเสนแนะว่าท้องถิ่นจึงควรได้เป็นเจ้าของข้อมูล และควรมีระบบฐานข้อมูลรวมชุดเดียว (Single Database) ครบทุกมิติ อย่างไรก็ตาม เรื่องฐานข้อมูลเดียวนั้นไม่อาจให้ท้องถิ่นทำเองโดยลำพังได้ แต่ต้องเป็นความร่วมมือกันของ 3 กระทรวง คือ 1.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าร่วมกับ อปท. ออกแบบวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้มหาวิทยาลัยก็เป็นอีกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ได้
2.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ควรช่วยพัฒนาระบบการหยิบใช้ข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต หรือคลาวด์ (Cloud) เนื่องจากเมื่อ อปท. ต้องประกวดหรือนำเสนอผลงานโดยเฉพาะเรื่องธรรมาภิบาล อปท. ต้องใช้ข้อมูลประกอบที่เป็นตัวเลขจำนวนมาก และ 3.กระทรวงมหาดไทย โดยผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กำหนดให้การจัดทำฐานข้อมูลเป็นหน้าที่ของ อปท. เพราะเมื่อเป็นหน้าที่และมีการประเมินผล อปท. ก็จะลงมือทำ
ผศ.ดร.พจนา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สืบเนื่องจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือจักรกลอัจฉริยะมาใช้แทนแรงงานคนมากขึ้น สำหรับในประเทศไทย มีการพยากรณ์ว่าช่วงปี 2559-2573 ตำแหน่งงานร้อยละ 40 จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว ทำให้ผู้คนในสังคมสมัยใหม่จะมีชีวิตคือเกิด เรียนรู้ ทำงาน แล้วก็ต้องกลับไปเรียนรู้เพื่อปรับให้เข้ากับตำแหน่งงานใหม่ๆ พื้นที่ที่เรียกว่านิเวศการเรียนรู้จึงมีความจำเป็น
ซึ่งนิเวศการเรียนรู้หมายถึงการปรับสภาพแวดล้อมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคม ชุมชน ครอบครัว เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งนี้ อปท. ต้องได้รับการสนับสนุนจาก 3 หน่วยงานคือ 1.กระทรวงมหาดไทย ควรกำหนดให้การจัดทำพื้นที่แห่งการเรียนรู้เป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมินผล อปท. โดยพื้นที่แห่งการเรียนรู้จะเป็นพื้นที่ของคนทุกวัย เช่น ผู้สูงอายุเรียนรู้จากลูกหลานเรื่องเทคโนโลยี ลูกหลานเรียนรู้จากผู้สูงอายุเรื่องภูมิปัญญา เพื่อนเรียนรู้จากเพื่อนเรื่องส่งเสริมอาชีพ เป็นต้น
2.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าไปช่วย อปท. พัฒนาหลักสูตร รวมถึงมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นก็สามารถเข้าไปช่วยพัฒนานวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหาให้ชุมชนได้ 3.สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอกชนด้านโทรคมนาคมจัดพื้นที่เรียนรู้บนโลกออนไลน์ร่วมกับท้องถิ่น
“ถ้าสมัยก่อนยังไม่มีสื่อสังคมออนไลน์ เราจะเรียกว่าสื่อวิทยุ อาจจะมองไม่เห็นแต่ฟังได้เรียนรู้ได้ ดังนั้นวิทยุออนไลน์หรือที่เรารู้จักกันในปัจจุบันคือพ็อดแคสต์ (Podcast) ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เกิดการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้าน รวมถึงยังช่วยผู้ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้านด้วย ให้ได้เรียนรู้ไปพร้อมกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จุดใดของชุมชน ท่านสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้” ผศ.ดร.พจนา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี