เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนของโรงเรียนขนาดเล็ก 5 แห่งใน ต.มะอึ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเร็วๆนี้ อาทิ โรงเรียนบ้านไก่ป่า ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1-6 มี นักเรียน 35 คน จัดการเรียนการสอบแบบควบรวมชั้น มี ผอ.1 คน ครู 2 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน , โรงเรียนบ้านมะอึ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 2-ป.6 มีนักเรียนรวม 122 คน ผอ.1 คน ครู 9 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน จุดเด่น ทางโรงเรียนสอนให้เด็กปลูก บัตเตอร์นัท ให้เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน และปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อใช้ในโครงการอาหารกลางวันโรงเรียน, โรงเรียนบ้านธาตุประทับ สอนชั้นอนุบาล- ป.6 มีนักเรียน 25 คน ไม่มี ผอ.โรงเรียน มีครู 3 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน ,และโรงเรียนบ้านยางกู่ สอนชั้นอนุบาล1-ม.3 มีนักเรียนรวม 90 คน ผอ.โรงเรียน 1 คน ครู 8 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน จุดเด่นให้นักเรียนชั้น ป.6-ม.3 จุดเด่น ฝึกนักเรียนเป็นมัคคุเทศก์น้อยภายในวัดปรางค์กู่ ซึ่งเป็นโบราณสถานมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม จากนั้น เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบางดงประชาสรรค์ เปิดสอนชั้นอนุบาล-ป.6 มีนักเรียน 40 คน ผอ.1 คน ครู 3 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน ซึ่งโรงเรียนทั้ง 5 แห่ง จัดการเรียนการสอนแบบควบรวมชั้น และใช้ระบบการสอแบบทางไกลผ่านดาวเทียม(DLTV) เข้ามาช่วยเสริมการเรียนหารสอน เนื่องจากมีครูไม่ครบชั้น และเด็กส่วนใหญ่เดินเท้ามาเรียน ปั่นจักรยานมาโรงเรียนเอง และผู้ปกครองมาส่ง และนายณัฏฐพล ได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับกับนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ผอ.ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาไปแล้วนั้น
นายณัฏฐพล กล่าวว่า ดารตรวจเยี่ยมทำให้ได้มาเห็นสภาพจริงของโรงเรียนขนาดเล็กตรงนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินร้อยเอ็ดเลย แต่ได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาพอสมควร ดังนั้น กระทรวงศึกษาฯจะต้องรีบปรับปรุงพัฒนาคุณภาพ ไม่ใช้แค่ใน จ.ร้อยเอ็ดเท่านั้น แต่คงต้องทุกพื้นที่ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่ ตนเข้าใจถึงข้อจำกัดของงบประมาณ แต่เท่าที่เห็นวันนี้เราคงปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะหากเราไม่ทำวันนี้วันหน้าก็ต้องทำอยู่ดี หากปล่อยให้เวลาผ่านไป
เด็กที่จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพก็จะมีจำนวนมากขึ้นไปเลื่อยๆ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการของกระทรวงศึกษาฯที่ต้องกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนรับรู้ถึงแนวทาง ซึ่งตนจะนำผลการตรวจเยี่ยมที่ได้เห็นวันนี้เป็นตัวอย่างอธิบายให้เห็นชัดเจน ว่าเรามีแนวทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะมีบางทั้งโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน มหาวิทยาลัยที่สามารถส่งต่อการเรียนหารสอนถึงเด็กได้ ในขณะที่ก็มีบางโรงเรียนที่สัดส่วนครูต่อนักเรียนยังมีช่องว่างระหว่างชั้น เช่น อนุบาล 1-ป.6 มีครู 3 คน ซึ่งไม่เพียงพอ ถึงแม้จะนำระบบการสอนแบบ DLTV เข้ามาช่วยเสริม แต่คุณภาพก็ยังไม่ได้ รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนบางแห่งพอมี แต่บางแห่งยังขาด ดังนั้น หากทุกโรงเรียนมีความเข้าใจกันและมีการบูรณาการร่วมกันก็จะสามารถทำให้การศึกษาพัฒนาได้โดยเฉพราะพื้นที่ตรงนี้
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า สำหรับตัวเลขการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่ สพฐ.มีในขณะนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะบริบทในพื้นที่จริงเป็นเรื่องสำคัญกว่า ความเข้าใจและการกล้าตัดสินใจในพื้นที่เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เราจะเอาแค่ตัวเลขมาดูกัน และคนที่จะตัดสินใจตรงนั้นได้ไม่ใช่รัฐมนตรี ไม่ใช่เลขาธิการ สพฐ. หรือผู้บริหาร แต่เป็น ผอ.เขตพื้นที่ฯ ผู้บริหารในพื้นที่นั้นๆจะช่วยกันพิจารณา ตนก็จะเป็นกำลังใจให้ในการคิด ซึ่งหลายคนมีแผนอยู่แล้ว แต่อาจจะมีข้อจำกัดจึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปก่อน แต่เท่าที่ตนเห็นภาพจริงวันนี้แล้วยืนยันว่าเราปล่อยไว้ไม่ได้ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ เด็กจำนวนมากจะไม่ได้รับการศึกษาที่มีการพัฒนาอย่างเต็มที่หรือเหมาะสมกับที่เขาควรจะได้รับ
“ผมเห็นสภาพจริงวันนี้แล้ว เรามีแนวทางออกได้หลายทาง แต่ผมขอคุยกับคนที่เกี่ยวข้องก่อน ว่าแผนเดิมของเขาคืออะไร แต่ถ้าเขาได้เห็นตัวอย่างที่ผมจะเสนอเป็นแนวติดแบบผสมผสานให้ทุกเขตพื้นที่ฯเข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติแล้ว เขาอาจจะคลี่คลายความไม่เข้าใจ ข้อสงใส หรือความลำบากใจเกี่ยวกับข้อจำกัดลง ผมคิดว่าที่เขาอาจจะยังไม่กล้าทำ เพราะอาจมีข้อจำกัดหลายอย่างซึ่งผมเข้าใจดี แต่เราจะปล่อยให้เด็กกลุ่มนี้มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้ผมเห็นภาพชัดเจนหมดแล้ว แค่เอาแต่ละโรงเรียน เอาพื้นที่มาดูความเหมาะสม และดูแผนที่เขามีอยู่ เรียกประชุมก็ตัดสินใจได้ แล้วจัดงบลงไปพัฒนาได้เลย” รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี