ศาลสั่งขัง 15 วัน หนุ่มพิเรนทร์ป้ายน้ำลายในลิฟต์ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาฯหลังจาก ตร.ได้รับผลตรวจจาก รพ.ยันไม่พบติดเชื้อโควิด-19 และสภาพจิตปกติดี ก่อนส่งอัยการ ฟ้องศาลด้วยวาจา

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายเอกชัย คันธมาลา อายุ 32 ปี ป้ายน้ำลายใส่ลิฟท์ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ โดยปรากฏภาพตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ และในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นวงกว้าง สร้างความหวาดวิตกให้กับพี่น้องประชาชนในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ทางตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน และส่งตัวไปตรวจที่ รพ.ตำรวจ เพื่อหาเชื่อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งตรวจสุขภาพจิตด้วย ว่าทางพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้นัดหมายให้ชายคนดังกล่าวมาเข้าพบ ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดี

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้รับผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งผลตรวจสุขภาพจิตจาก รพ.ตำรวจ แล้ว ซึ่งผลปรากฏว่าผู้ก่อเหตุรายนี้ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้มีสุขภาพจิตปกติดี จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหา ก่อนส่งตัวให้อัยการเพื่อส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญา ด้วยวาจาต่อไป

ต่อมาอัยการ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแขวงปทุมวัน ให้ลงโทษในข้อหาผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ณ ที่ใด ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นอันตรายหรือเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคล หรือเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อนหรือน่าจะเปรอะเปื้อน ตัวบุคคล หรือทรัพย์ หรือแกล้งทำให้ของโสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 389

อย่างไรก็ดี ท้ายคำฟ้องทางอัยการได้ขอให้ศาลโปรดลงโทษในอัตราสูงสุด เนื่องจากในช่วงเวลานี้เป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้กระทำผิดจะต้องมีความตระหนักถึงความปลอดภัยของส่วนรวม และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโดยเคร่งครัด ซึ่งศาลแขวงปทุมวัน พิเคราะห์แล้ว จึงมีคำพิพากษาสั่งลงโทษจำคุก 15 วัน โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 โดยส่งตัวไปกักขังที่สถานกักขังกลาง จ.ปทุมธานี