สัปดาห์นี้ก็ยังคงว่าด้วยเรื่องของสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า ไม่เลือกคนจน คนรวย โดยในภาคเกษตร ก็ได้รับผลกระทบกันหลายภาคส่วน รวมถึงสถาบันเกษตรกรอย่างเช่น สหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกร ก็มีหลายแห่งที่ธุรกิจได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากสมาชิกขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลง จนทำให้สมาชิกบางส่วนไม่สามารถส่งค่าหุ้นหรือชำระหนี้คืนให้กับสหกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนดได้ ทำให้เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ ได้ลงนามประกาศเรื่องมาตรการช่วยเหลือด้านหนี้สินและการปรับโครงสร้างหนี้ของสมาชิกสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์ใช้เป็นแนวทางในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยขอความร่วมมือสหกรณ์ผ่อนผันการชำระหนี้ให้กับสมาชิก เช่น ขยายเวลาการชำระหนี้ การพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราวปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่วนการชำระค่าหุ้นของสมาชิก ขอให้ปรับลดหรืองดส่งค่าหุ้นรายเดือนเป็นการชั่วคราว หรืองดหักส่งค่าหุ้นตามส่วนของเงินกู้ จนกว่าจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติ เช่นเดียวกับ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติการแทนนายทะเบียนสหกรณ์ ก็ได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยการจัดชั้นคุณภาพลูกหนี้เงินกู้และการเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ พ.ศ.2544 และคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์เรื่องวิธีปฏิบัติทางบัญชีเกี่ยวกับลูกหนี้พ.ศ.2547 เพื่อให้สหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบและดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือด้านหนี้สินและการปรับโครงสร้างหนี้ของสมาชิกสหกรณ์มีการประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นไปในทิศทางเดียวกันและบรรเทาผลกระทบทางการเงินที่จะเกิดขึ้นกับสหกรณ์
นอกจากนี้ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลกรมส่งเสริม
สหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก็ได้มอบนโยบายให้ทั้ง 2 กรม ออกมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกสหกรณ์และสหกรณ์ทั่วประเทศทั้ง 6,579 แห่ง สมาชิกกว่า 11 ล้านคน โดยมาตรการช่วยเหลือประกอบด้วย 3 แนวทาง ได้แก่ 1.สหกรณ์ที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานขอความร่วมมือ ธ.ก.ส. ในการผ่อนผันการชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ โดยขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้สหกรณ์ ไม่เกิน 20 ปี ปลอดชำระต้นเงิน 3 ปีแรก ขอสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่ต่ำกว่า MLR-1 ต่อปี รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิก โดยมอบหมายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้าไปช่วยเหลือด้านการบัญชีให้กับสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อไม่ให้บัญชีติดลบและสามารถดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ต่อไปได้ หากสหกรณ์ใดมีความประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว สามารถติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาที่สหกรณ์กู้ยืมเงิน 2.สหกรณ์ที่เป็นลูกหนี้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่ในวันที่ 31 มีนาคม 2563-30 กันยายน 2563 ขยายให้ชำระได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งสหกรณ์จะต้องผ่อนผันขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่สมาชิกผู้กู้เช่นเดียวกัน 3.กลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จะได้รับการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระออกไปอีก 1 ปี สำหรับสัญญาที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 และกลุ่มเกษตรกรจะต้องขยายระยะเวลาการชำระหนี้งดคิดดอกเบี้ยและค่าปรับกับสมาชิก โดยสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่จะขอขยายเวลาการชำระหนี้ สามารถยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา ยืนยันว่า ทุกมาตรการข้างต้นจะช่วยบรรเทาปัญหาภาระหนี้สินให้กับสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ โดยคาดว่าสหกรณ์ภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร จำนวน 2,660 แห่ง ที่ขยายเวลาการชำระหนี้หรือพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราว จะทำให้สมาชิกได้รับประโยชน์ 5.79 ล้านคน ต้นเงินกู้จำนวน 1,296,843.76 ล้านบาท มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ร้อยละ 0.50 คิดเป็นมูลค่า 6,480 ล้านบาท ซึ่งในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่สมาชิก ส่งผลทำให้ลูกหนี้ด้อยคุณภาพของสหกรณ์ (NPL) ลดลง และจำนวนหนี้ NPL ลดลง คิดเป็นมูลค่า 2,420 ล้านบาท และการปรับลดหรืองดส่งค่าหุ้นรายเดือนให้กับสมาชิก คิดเป็นจำนวน 294 ล้านบาท ในส่วนของสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 561 แห่ง หากมีการปรับลดหรืองดส่งค่าหุ้นรายเดือนให้แก่สมาชิก คาดว่าจะมีสมาชิกได้รับประโยชน์ 580,000 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 996 ล้านบาท การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์การเกษตรที่เป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส. และได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ผิดนัดของสหกรณ์ได้ 710 แห่ง มูลหนี้ 48,800 ล้านบาท ส่วนสหกรณ์ที่เป็นลูกหนี้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ 917 แห่ง ที่ได้รับการขยายเวลาชำระหนี้ จะมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และส่งผลให้สมาชิกสหกรณ์ 108,740 ราย ได้รับผ่อนผันการชำระหนี้ เฉลี่ยรายละ 24,000 บาท และกลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 1,392 แห่ง ที่ได้รับการขยายเวลาชำระหนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 มีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้แก่สมาชิก 704.98 ล้านบาท....ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ขุนเกษตรา เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ทุกคนในขบวนการสหกรณ์จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อจะได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี