เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการประชุม กสม.ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา ว่า กสม.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงกรณีตัวแทนชาวบ้าน ต.ปากข้าวสาร และ ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี ขอให้ตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งและหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ กรณียื่นคำขออนุญาตตั้งโรงงานและคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานฆ่าและชำแหละเนื้อไก่
โรงงานผลิตอาหารแปรรูป อาหารปรุงสุกจากเนื้อไก่ และอาหารสำเร็จรูป โรงงานบำบัดน้ำเสียและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน บนพื้นที่ 287 ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชุมชน สถานที่ราชการ พื้นที่เกษตรกรรม และอยู่ติดคลองหนองยาว อันเป็นแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปาและทำการเกษตร ชาวบ้านจึงกังวลต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพและอนามัย การประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยตัวแทนชาวบ้านเห็นว่า เมื่อยื่นคำร้องต่อหน่วยงานส่วนท้องถิ่นเพื่อขอทราบรายละเอียดข้อมูลและการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานดังกล่าว กลับไม่ได้รับแจ้งข้อมูลแต่อย่างใดนั้น
กสม.ได้พิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังในเบื้องต้นได้ว่า เมื่อเดือน พ.ย.2562 บริษัทได้ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานฯ รวมทั้งขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ต่อมาประชาชนได้ร่วมกันร้องเรียนคัดค้านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการยื่นคำขอทำประชาพิจารณ์เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงาน โดยยังไม่ได้ยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตใช้น้ำในกระบวนการผลิตและ/หรือขอใช้คลองหนองยาวเป็นแหล่งระบายน้ำ รวมทั้ง ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี
เนื่องจากต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงงานเสียก่อน อีกทั้งยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะใช้น้ำดิบจากแหล่งใดในกระบวนการผลิต และจะระบายน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วไปที่ใด แต่รับว่าแหล่งน้ำผิวดินจากคลองหนองยาวเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะนำไปใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งหากโรงงานใช้น้ำจากคลองหนองยาวในกระบวนการผลิตและ/หรือปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่คลองหนองยาว อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ในการใช้อุปโภคบริโภคและเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตน้ำประปา
นายวัส กล่าวต่อไปว่า กสม.มีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการใช้แหล่งน้ำซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีจำกัดและเป็นสินสาธารณะ (a public good fundamental for life and health) ที่จำเป็นขั้นพื้นฐานต่อชีวิตและสุขภาพ การที่มนุษย์จะดำเนินชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการได้รับสิทธิมนุษยชนด้านอื่นๆ การจัดสรรน้ำจะต้องคำนึงถึงสิทธิเกี่ยวกับน้ำเพื่อการใช้สำหรับส่วนบุคคลและในครัวเรือนเป็นลำดับแรก
"กรณีตามคำร้องดังกล่าวปรากฏว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จะก่อสร้างโรงงานและยื่นคำขอทำประชาพิจารณ์เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตใช้น้ำ รวมทั้งยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ดังนั้น ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียยังสามารถใช้สิทธิเข้าร่วมในการแสดงความคิดเห็นได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย" นายวัส ระบุ
ปธ.กสม.ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มีการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแจ้งข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบแล้ว ซึ่ง กสม.มีข้อเสนอแนะมาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อบริษัทที่ถูกร้องเพื่อให้ดำเนินการ ดังนี้ 1.บริษัทควรจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานให้ครบถ้วนและรอบด้าน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตและแหล่งรองรับน้ำทิ้งที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
รวมทั้งวิธีการบำบัดน้ำเสียและเก็บกากของเสียที่เป็นมาตรฐานโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อใช้ประกอบการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 2.องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากข้าวสาร และ อบต.หนองยาว ควรประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอประกอบกิจการโรงงาน และความคืบหน้าการดำเนินการที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของตนให้ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบการประกอบกิจการโรงงานได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
และ 3.อบต.หนองยาว ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการดูแลและบำรุงรักษาแหล่งน้ำคลองหนองยาว ควรดำเนินการบริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงสิทธิในการใช้น้ำของบุคคลและลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนที่จะพิจารณาอนุญาตให้ใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรมหรือประกอบกิจการใดๆ ทั้งนี้ ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอำนาจออกระเบียบหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าใช้สอยทรัพยากรน้ำสาธารณะนั้นตามแนวทางที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนด
อีกทั้ง อบต.มีหน้าที่ในการคุ้มครอง ดูแล บำรุงรักษาความสะอาดทางน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข่าวสารความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการพัฒนาหรือกิจการต่างๆ ให้ประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกๆ ที่หน่วยงานและผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง ส่วนการทำความเข้าใจกับชุมชน และการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสียควรดำเนินการให้ทั่วถึง และการเข้าร่วมดังกล่าวพึงดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี