ผู้ว่าฯพัทลุงตะลึงหงายหลัง แอบย่องไปตรวจ"ควนท่าสำเภาฯ"ไม่บอกใคร พบการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์โดยไม่หวั่นเกรงกฎหมาย เรียกประชุมทุกหน่วยด่วนจันทร์นี้ พร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกทุกราย แฉมีคนนอกพื้นที่มากว้านซื้อไร่ละ 1 บาทปลูกปาล์ม ถมคลองระบายน้ำ บางจุดยังเป็นพื้นที่ป่าพรุเสม็ดที่สมบูรณ์ แฉโดนฮุบมากกว่า 10 ปีแต่ไม่มีใครสนใจแก้ไข
จากกรณีที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง และจนท.หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุชาวบ้านในท้องที่ ม.2,4,5,7 ต.ชัยบุรี และท้องที่ ม.8,11 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ประมาณ 2,000 ครัวเรือน เข้าไปถือครองที่ดิน“ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์ “จำนวน 3,727 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในความดูแลของปกครองของกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี อาทิ ทำนา ปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน สวนมะพร้าว ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ จนถูกชาวบ้านมีหนังสือร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 4
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง พร้อมด้วย จนท.กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ดังกล่าว โดยไม่ได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับทราบแต่อย่างใด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้นายกู้เกียรติถึงกับตะลึงหงายหลัง เมื่อพบว่า กลุ่มผู้บุกรุกกระทำการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจรัฐแต่อย่างใด อาทิ มีการถมคลองระบายน้ำเข้าไปในพื้นที่การบุกรุกหลายแห่ง เดินสายไฟฟ้าเข้าไปในแปลงที่บุกรุก ปักเสาล้อมแนวเขตที่มั่นคง ปรับพื้นที่ที่บุกรุกเป็นแปลงไร่นาสวนผสมและปลูกปาล์มน้ำมันกันหลายแปลง บางแปลงที่รอการปรับภาพพื้นที่ที่ยังเป็นพื้นที่ป่าพรุเสม็ดที่สมบูรณ์ โดยที่ฝ่ายปกครองในระดับท้องถิ่นไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาการบุกรกในครั้งนี้ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด
นายกู้เกียรติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องการบุกรุกในครั้งนี้มาก่อนเลย หลังจากที่ได้รับแจ้งจาก พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง ก็ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที ซึ่งตนยอมรับไม่ได้กับการกระทำการดังกล่าว โดยในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.63 นี้ ตนจะเชิญปลัดจังหวัดพัทลุง จนท.กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง ฝ่ายปกครอง หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ มาร่วมประชุมที่ห้องทำงานบนศาลากลางจังหวัดฯ เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าวต่อไป
ส่วนจะเข้าแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยทันทีหรือไม่นั้นต้องรอการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการในครั้งนี้ก็คือต้องนำที่ดินดังกล่าวมาเป็นของรัฐเพื่อประโยชน์ของรัฐในอนาคต โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามบินพัทลุงนั้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีความยาวมากกว่า 4.5 กิโลเมตร กว้างมากกว่า 1 กิโลเมตรและตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งผู้บุกรุกในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายที่ชัดเจน ส่วนผู้นำท้องถิ่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการกระทำความผิดหรือไม่นั้นก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและระเบียบกฎหมายต่อไป
ชาวบ้านรายหนึ่ง เผยว่า ขณะนี้ที่ดินที่ถูกบุกรุกมีการซื้อขายกันในราคา 1 หมื่นบาท/ไร่ โดยมีคนนอกพื้นที่ของ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ มากว้านซื้อที่ดินเพื่อนำไปปลูกปาล์มน้ำมันประมาณรายละ 10 – 15 ไร่ไปหลายรายแล้ว สำหรับการร้องเรียนของชาวบ้านในการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ดังกล่าวไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 10 ปี แต่เรื่องการร้องเรียนก็เงียบหายทุกที จนชาวบ้านได้ร่วมกันร้องเรียนถึงพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เรื่องการบุกรุกจึงฉาวโฉ่ออกมา
"ก็ต้องขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 4 และ จนท.กอ.รมน.จังหวัดพัทลุงที่เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว และสิ่งแรกที่ตนอยากเห็นก็คือให้กำลังทหารนำรถแม็กโฮมาขุดถนนที่ชาวบ้านนำมาถมคลองระบายน้ำเพื่อเข้าไปบุกรุกในที่ดินสาธารณประโยชน์ประมาณ 4 จุด โดยทันที ส่วนอำนาจรัฐสามารถจัดการกับกลุ่มผู้บุกรุกในครั้งนี้ได้แค่ไหนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องเฝ้าจับตามอง"ชาวบ้านรายนี้ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี