จากกรณีที่รัฐบาลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ค. 2563 ตั้งงบประมาณไว้ 150,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาเกษตรกรไม่เกิน 10 ล้านราย โดยใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหลังจากตรวจสอบข้อมูลและการลงทะเบียนแล้ว พบว่ามีจำนวน 8.33 ล้านราย เมื่อหักลงทะเบียนซ้ำซ้อนแล้วเหลือ 6,773,517 ราย โดยในส่วนที่ลงทะเบียนซ้ำซ้อนพบว่า เป็นข้าราชการประจำที่ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพเสริมอยู่ 91,426 ราย และเป็นข้าราชการบำนาญ 84,471 ราย ซึ่งหลายคนก็ตั้งคำถามว่า ข้าราชการที่ทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพเสริมนี้ สมควรจะได้รับเงินเยียวยาด้วยหรือไม่ เพราะยังได้ทำงานและรับเงินเดือนปกติครบทุกบาททุกสตางค์ ในขณะที่ประชาชนหรือเกษตรกรอีกจำนวนมาก ยังได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลไม่ทั่วถึง
จากกรณีดังกล่าว ทำให้ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องรีบออกมาชี้แจงด่วน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน โดยท่านปลัดกระทรวง ยืนยันว่า ทุกขั้นตอนเยียวยาเกษตรกรโปร่งใส และดำเนินการตามมติ ครม. และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งตามมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการให้มีความถูกต้องครบถ้วน รวมถึงต้องไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆ ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการและผู้ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญของกรมบัญชีกลาง และระบบประกันสังคมของสำนักงานประกันสังคมเพื่อให้ความช่วยเหลือภายใต้มาตรการต่างๆ ของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของการลงทะเบียนรับการช่วยเหลือเยียวยานั้น มีเกษตรกรกลุ่มแรกที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 8.33 ล้านราย แต่ภายหลังจากการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับทะเบียนฐานประกันสังคม โครงการเราไม่ทิ้งกัน และทะเบียนข้าราชการบำนาญ ทำให้คงเหลือเกษตรกรที่มีคุณสมบัติได้รับเงินเยียวยา จำนวน 7.77 ล้านราย โดยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในครั้งที่ 1 ธ.ก.ส. ได้โอนเงินช่วยเหลือเกษตรกร ระหว่างวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 3.22 ล้านราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,114.76 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเงินจนครบจำนวนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการรับขึ้นทะเบียนตามที่หน่วยงานกำหนด และนำมาคัดกรองความซ้ำซ้อนกับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชน และตรวจสอบกับผู้ที่ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญ และระบบประกันสังคม และเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งข้อมูลเกษตรกรครั้งที่ 2 ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 3.43 ล้านราย เพื่อดำเนินการจ่ายเงิน โดยคาดว่า ธ.ก.ส. จะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในระหว่างวันที่ 22 – 29 พฤษภาคม นี้
สำหรับในครั้งที่ 3 กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งข้อมูลเกษตรกร จำนวน 0.70 ล้านราย ให้กระทรวงการคลังเพื่อให้ คัดกรองและตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชน และตรวจสอบกับผู้ที่ได้รับสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการบำนาญ และระบบประกันสังคม และยังมีเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมจำนวนประมาณ 1.6 ล้านราย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้รวบรวมและส่งข้อมูลให้กระทรวงการคลังต่อไป ซึ่งในส่วนของเกษตรกรที่อยู่ระหว่างปรับปรุงและตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง จึงยังไม่สามารถเริ่มต้นการเพาะปลูกในฤดูการผลิต 2563/2564 ได้ ซึ่งได้กำหนดสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบ และจะส่งให้กระทรวงการคลังตรวจสอบและคัดกรอง เพื่อจะได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน โดยจะขออนุมัติเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเพียงงวดเดียว รายละ 15,000 บาท ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2563 โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรรายใหม่ จำนวนประมาณ 120,000 ราย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะตรวจแปลงดำเนินการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2563
สำหรับในส่วนของข้าราชการที่อยู่ในทะเบียนเกษตรกรด้วยนั้น ท่านปลัดกระทรวงเกษตรฯ บอกว่า ได้หารือกับคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนว่า ข้าราชการไม่ควรได้รับการเยียวยาในส่วนนี้ แต่อาจจะต้องมีการซักซ้อมทำความเข้าใจถึงวิธีการปฏิบัติ และความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ต่อไป...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี