ตามที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech andInnovation Center : AIC) เมื่อเดือนที่ผ่านมา ณ โรงแรมปรินซ์พาเลส มหานาค กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนจาก ภาครัฐ ภาคเกษตรกร ภาควิชาการและภาคเอกชน จำนวน 69 สถาบัน 83 แห่ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม สนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตร การประดิษฐ์นวัตกรรม รวมทั้งเครื่องจักรกลเกษตร อีกทั้งยังเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกร สนับสนุน Smart Farmer รวมถึง Young Smart Farmer ในแต่ละจังหวัด และผลักดันงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านการวิจัย การพัฒนา การลงทุน การแปรรูป และการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์
จนถึงวันนี้ได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้างแล้วนั้น นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แจ้งความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้เร่งจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ AIC ให้มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 นี้ จะมีการประชุมเพื่อ Kick off ศูนย์ AIC โดยจะหยิบยกประเด็นสำคัญขึ้นมาหารือ ดังนี้ 1.การอบรมบ่มเพาะ เรื่อง ตลาดเกษตร โลจิสติกส์เกษตร เกษตรอนาคตทางเลือกใหม่ 2.การถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม เช่น ระบบสูบน้ำส่งน้ำด้วยพลังงานทางเลือก 3.จัดทำวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย 4.จัดทำ Action plan 5.จัดตั้งโครงสร้างขับเคลื่อน ได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตร คณะกรรมการส่งเสริมนวัตกรรมและเครื่องจักรกลเกษตร คณะกรรมการพัฒนาตลาดเกษตร (ออนไลน์และออฟไลน์) คณะกรรมการโลจิสติกส์เกษตร คณะกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ทั้ง 4 คณะ ที่เชื่อมโยงกับศูนย์ AIC ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นอาทิ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ GovTech (โดยมี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นประธาน) มีการจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยให้บูรณาการข้อมูลให้ครอบคลุมในทุกมิติและเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agricultural Big Data Center : NABC) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 และวางแผนขับเคลื่อนการจัดทำ Big Data ในช่วง 6 เดือน (เมษายน – กันยายน 2563) อย่างเป็นระบบ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ (โดยมี ดร.วราภรณ์พรหมพจน์ เป็นประธาน) มีการปรับแผนการดำเนินงานด้านเกษตรอัจฉริยะ จำนวน 9 โครงการ/กิจกรรม มีการดำเนินงานแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ แปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะมันสำปะหลัง แปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะผักสลัดในโรงเรือน แปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะกุ้งขาวแวนนาไม และการสร้างการรับรู้ด้านเกษตรอัจฉริยะ ร่วมกับ AIC
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce (โดยมี นายศตพล จันทร์ณรงค์ เป็นประธาน) มีการจัดทำโครงการคอร์ส Cloud Kitchen ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ Grab และได้มีการแถลงข่าวเปิดโครงการ Cloud Kitchen ซึ่งขณะนี้โครงการ Cloud Kitchen ได้ขึ้นระบบการเรียนรู้ผ่าน Facebook ของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce เรียบร้อยแล้ว และการทำความร่วมมือร่วมกับผู้แทน Alibaba เพื่อเปิดคอร์สสอนขายสินค้าเกษตร มุ่งเน้นเรื่องการฝึกอบรมเกี่ยวกับการนำสินค้าเกษตรขึ้นบน Platform ของ Alibaba โดยแนวทางการทำงานร่วมกับ Alibaba จะเป็นการอบรมออนไลน์ โดยใช้โปรแกรม Zoom เป็นการสอนในเรื่องของการนำสินค้าเกษตรขึ้นบน Platform ของ Alibaba โดยมีกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ที่มีความรู้พื้นฐานด้านอินเตอร์เนต และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจเกษตร AgriBusiness (โดยมี นายปริญญ์พานิชภักดิ์ เป็นประธาน) ได้จัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบการระบาดของโควิด-19 เป็น 2 มาตรการ ประกอบด้วยมาตรการเร่งด่วน ได้แก่ 1.รวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตรที่มีปัญหา 2.ใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ หรือ Platform หน่วยงานราชการ 3.รับ Pre-Order สินค้าเกษตร 4.การกระจายสินค้าเกษตรผ่านสหกรณ์การเกษตร 5) การเชื่อมโยงเกษตรกรสู่ Platform ของ StartUP ด้านการตลาด
สำหรับมาตรการระยะกลางและระยะยาว ได้แก่ 1.การแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น สินค้าประเภทอาหาร สินค้าประเภทของใช้ 2.ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตร โดยได้ลงพื้นที่สำรวจสินค้าเกษตร จ.จันทบุรี หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และบริษัทเอกชนในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด และราคาตกตํ่า ตลอดกระจายผลไม้ช่วยเกษตรกร โดยการจัดทำ “โครงการเราทำได้ We can do it”เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมังคุด จ.จันทบุรี ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิ่มช่องทางลงทุนภาคเกษตรด้วยคราวด์ฟันดิ้งก์ (crowd funding) เพื่อให้ ผู้ประกอบการระดมทุนจากผู้ลงทุนในจำนวนเงินคนละเล็กคนละน้อย ผ่านตัวกลาง “Funding Portal” เพื่อนำเงินมาใช้ตามวัตถุประสงค์ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย Young Smart armer, Start up และ SMEs
สุธิพงศ์ ถิ่นเขาน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี