นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ECST กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการร่างกฎหมายยาสูบของฮ่องกงตัดสินใจไม่แบนบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตไร้ควัน หลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ 3 ครั้ง และประชุมไป 9 ครั้ง โดยเห็นว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีสารพิษต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่ รวมถึงกังวลว่าจะก่อให้เกิดช่องทางซื้อขายที่ผิดกฎหมายมากขึ้นหากมีการแบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ฮ่องกงจึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่มีการรับฟังความคิดเห็นของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่างกับไทยที่ปิดกั้นความเห็นที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ขณะเดียวกันที่งานประชุมนิโคตินโลก (Global Forum on Nicotine: GFN) ประจำปี 2563 ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 ผู้เชี่ยวชาญด้านนิโคตินและการควบคุมการบริโภคบุหรี่ระดับโลกกว่า 30 ราย เห็นด้วยว่าแนวทางการลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นการต่อต้านการควบคุมยาสูบ แต่ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมยาสูบ โดยการสนับสนุนให้ผู้ที่สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า

“ส่วนการควบคุมยาสูบของประเทศไทยกลับเน้นวิธีสุดโต่ง เช่น แบนการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งยิ่งเป็นการสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น การลักลอบนำเข้าหนีภาษี ผลิตภัณฑ์ไม่มีมาตรฐาน ลิดรอนสิทธิผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงของเยาวชนได้ ต่างจาก สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และญี่ปุ่น ซึ่งผู้บริโภคมีทางเลือกในการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกแทนการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเชื่อว่าจะทำให้บุหรี่หายไปจากตลาดได้จริงๆ”นายอาสา กล่าวและว่า เราเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูลรมว.สาธารณสุข เป็นหัวหน้า รวมถึง สส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ อีกหลายท่าน มีหัวก้าวหน้า และอยากเห็นการจัดการปัญหาการสูบบุหรี่ในแนวทางใหม่ๆ จึงอยากเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นอิสระขึ้นมาศึกษาเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง” นายอาสา กล่าว