การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ในประเทศไทย ดีขึ้นตามลำดับ จึงมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ แบบวิถีใหม่ (New Normal) ในวันที่ 1 ก.ค.2563 ที่จะถึงนี้
ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า เว้นระยะห่างทางสังคม และใช้ระบบคัดกรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ก่อนจะถึงวันที่ 1 ก.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันแรกที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วประเทศโดยเฉพาะช่วงนี้ หน้าฝน ฤดูกาลแห่งความชุ่มฉ่ำ สรรพสิ่งในพงไพรล้วนเต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิต น้ำตกหลั่งไหลเป็นสายธารกว้างใหญ่ เสียงดังกึกก้องทั่วราวป่า ต้นไม้กลับคืนกลายเป็นสีเขียวขจี ผืนดินปกคลุมด้วยมอส เฟิร์น ดอกไม้ป่ากลิ่นหอมและเห็ดนานาชนิดผุดขึ้นจากดินออกดอกในยามนี้ นกและแมลงตัวน้อย ส่งเสียงขับขานบรรเลงเพลง มีชีวิตชีวา ป่าจึงดูราวกับว่า ได้ฟื้นคืนสู่ความเป็นตัวตนอีกครั้ง
ถึงแม้ฤดูฝนจะเป็นฤดูกาล ที่หลายคนอาจมองว่า ไม่ควรไปไหนมาไหนและไม่น่าท่องเที่ยวเลย เพราะไม่ค่อยสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวไม่คึกคัก แต่นั่นกลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับผู้มีใจรักธรรมชาติ และเดินบนผืนป่าอันยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากผู้คนไม่มากแล้ว แถมยังมีโอกาสชื่นชมธรรมชาติที่แสนสมบูรณ์ในช่วงฤดูฝนได้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นในช่วงฤดูฝนของเมืองไทยมีหลากหลายแห่ง ซึ่งภาคอีสานเป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ถึงแม้ในอดีตจะมีความแห้งแล้ง แต่ปัจจุบันหลังจากหลายหน่วยงาน มีการรณรงค์การปลูกป่าอย่างต่อเนื่องและชาวบ้านก็ช่วยกันอนุรักษ์ป่าและต้นไม้ไว้ ผ่านมาหลายสิบปี วันนี้ อีสานมีความเขียวสดสวยงามไม่แพ้ภาคอื่น
โดยเฉพาะพื้นที่ 4 จังหวัดของภาคอีสานตอนใต้ ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ มีความสมบูรณ์ของป่า น้ำตกหลายแห่ง แวดล้อมด้วยสีเขียวของต้นไม้ พรรณไม้ ในสวนในไร่ของชาวบ้านออกดอกให้ผลเก็บกิน ส่งขายเพิ่มรายได้แก่ชาวบ้าน ทว่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นบนลานหินกว้าง ในยามฝนเช่นนี้จะเต็มไปด้วยดอกไม้ดินเล็กๆ ออกดอกแซมสลับสีกันอย่างงดงาม เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติควรไปสัมผัสอย่างยิ่ง
สำหรับพื้นที่จังหวัดภาคอีสานตอนใต้อันประกอบด้วย ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ถือได้ว่าเป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติในระดับต้นๆ ของภูมิภาค ซึ่งในช่วงฤดูฝนนอกจากธรรมชาติในเขตอุทยานจะเขียวชอุ่มงดงามแล้ว ฤดูกาลนี้ยังได้เผยโฉมแหล่งท่องเที่ยวแปลกๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลายเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจน่าศึกษากว่า 6 แห่ง เพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ผู้รักธรรมชาติ ที่กำลังมองหามุมมองใหม่ๆในการท่องเที่ยว
ภูสระดอกบัว เป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 423 เมตรบนรอยต่อเขต 3 จังหวัด คือ อำนาจเจริญ มุกดาหาร และยโสธร ที่ยอดภูสระดอกบัวมีแอ่งหินขนาดกว้างประมาณ 2-5 เมตร อยู่ 5-6 แห่งมีน้ำขังตลอดปี มีบัวพันธุ์ต่างๆ ขนาดเล็กขึ้นอยู่เต็มสระ เมื่อออกดอกจะดูสวยงามมาก ว่ากันว่า มีบัวขึ้นอยู่อย่างนี้มานานแล้วและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงได้ชื่อว่า ภูสระดอกบัว ติดกับภูสระดอกบัวก็จะเป็นภูผาแตก หรือชื่อทางยุทธศาสตร์สงครามว่า เนิน 420 ที่นี่จึงเป็นจุดชมวิวที่มีองค์ประกอบทางธรรมชาติที่สวยงาม ทางด้านทิศเหนือสามารถมองเห็นทิวเขาของอุทยานแห่งชาติมุกดาหารในระยะใกล้ได้ ซึ่งลานหินและป่าเต็งรังแคระพบได้ทั่วไปและมีอยู่จำนวนมาก เป็นลานหินยาวและใหญ่ บางแห่งมีขนาด 20-40 ไร่ สลับกับป่าเต็งรังแคระ บางแห่งเป็นป่าเต็งรังสลับกับป่าหญ้าเพ็ก มองดูสวยงามมาก
น้ำตกแสงจันทร์ ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกงามในฉากหนังสุวรรณภูมิ สายน้ำที่พรั่งพรูออกจากรูหินเหนือเพิงถ้ำมองดูคล้ายแสงจันทร์สาดส่องลงมาสู่โลก อีกทั้งเมื่อสายน้ำกระทบสู่ผืนน้ำเบื้องล่างยังกระจายตัวเป็นรูปหัวใจสีขาวอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนน้ำตกรากไทร ม่านน้ำธรรมชาติริมแก่งตะนะ เป็นน้ำตกไหลซึมซับตามรากไทร ที่ย้อยมาตามหน้าผาริมแม่น้ำมูลมองดูคล้ายม่านมู่ลี่ไหลลงสู่พื้นหินกระจายเป็นละออง งดงามน่าอัศจรรย์ น้ำตกรากไทรเป็นหนึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้นเพียง 500 เมตร ริมแม่น้ำมูลของอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ สำหรับน้ำตกห้วยหลวง ตั้งอยู่กลางป่าสมบูรณ์ ไหลตกจากหน้าผาสูง45 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกต ที่มีหาดทรายขาวโอบล้อม ถือได้ว่า เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด และงดงามที่สุดของภาคอีสานตอนล่าง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
จากนั้นไปอาบเมฆที่ผามออีแดง บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นหน้าผาสูง 500 เมตร มีผืนป่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก ที่แบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา และเป็นประตูสู่ปราสาทพระวิหาร ณ หน้าผาแห่งนี้ นอกจากจะเป็นจุดชมทิวทัศน์แผ่นดินเขมรต่ำและเป็นจุดที่ปรากฏรอยภาพแกะสลักหินโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จนกลายเป็นแหล่ง UNSEENTHAILAND แล้ว ในช่วงฤดูฝน จะปรากฏทะเลเมฆ ที่ไหลมาจากที่ราบแผ่นดินเขมรต่ำมาปะทะหน้าผาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ไปเยือนผามออีแดงในช่วงนี้ จะได้มีโอกาสอาบเมฆอย่างแสนประทับใจ
สำหรับกุ้งเดินขบวน ธรรมชาติมหัศจรรย์ ที่สามเหลี่ยมมรกต ณ แก่งลำดวนอ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยามค่ำคืนช่วงฝนตกหนัก ประมาณเดือนกันยายนของทุกปีจะปรากฏกุ้งฝอยนับล้านๆ ตัว พากันหลบสายน้ำแรงของแก่งปีนป่ายลานหินยาวประมาณ30 เมตร ก่อนจะปีนกลับสู่สายน้ำลำโดมใหญ่มุ่งหน้าสู่สายน้ำบนป่าสามเหลี่ยมมรกต
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจเหล่านี้ เกิดขึ้น ณ แหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม ที่สะดวกสบาย ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์อุบัติเหตุภัยทางธรรมชาติใดๆ เลย ที่สำคัญสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็น ROUTE เดียวกัน และสามารถเชื่อมโยง แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ได้อย่างคุ้มค่าจึงขอเชิญชวนบรรดาผู้รักธรรมชาติทุกท่านไปสัมผัสศึกษาความงดงามของฤดูฝน และความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติของภาคอีสานตอนใต้ ซึ่งจะทำให้ท่านประทับใจไปอีกนาน...
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี