นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการร่วมเป็นวิทยากรสัมมนาเรื่อง“เกษตรกรรมกับการเปลี่ยน ปรับ รับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจัดรูปแบบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Zoom ในงานมหกรรมพันธุกรรมพื้นบ้าน ปี 2563 โดยมีวิทยากรจากหลากหลายสถาบัน อาทิ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย มูลนิธิสายใยแผ่นดิน มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน สมาคมเกษตรกรรมทางเลือกฉะเชิงเทรา และศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน จ.ร้อยเอ็ด
โอกาสนี้ รองเลขาธิการ สศก. ในฐานะรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตร และประธานคณะทำงานการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการจัดทำยุทธศาสตร์ วิชาการ และฐานข้อมูล ได้บรรยายนโยบายและการดำเนินงานด้าน Climate Change ในภาคเกษตรของไทย เริ่มจากกลไกดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตร พ.ศ. 2560 – 2564 (ฉบับปัจจุบัน) ที่ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ย่อย ได้แก่ 1) พัฒนาระบบฐานข้อมูลและสร้างความตระหนักรู้ 2) การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 3) การมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ 4) การขับเคลื่อนโดยเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้เกี่ยวข้อง การศึกษาวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในภาคเกษตรของสศก. และหน่วยงานในกษ. อาทิ จัดทำฐานข้อมูลปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตร การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์สินค้าเกษตร การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อรายได้ครัวเรือนเกษตร ศึกษาผลปรับตัวของเกษตรกรต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (เกษตรทฤษฎีใหม่) และศึกษาต้นทุนส่วนเพิ่มการลดก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าเพื่อให้ปรับตัวได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การส่งเสริมการไถกลบตอซังเพื่อลดการเผา การจัดทำแบบจําลองการผลิตพืช (Crop Modeling) เพื่อจัดการดินและธาตุอาหารพืชการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยโดยการจัดการน้ำ ธาตุอาหาร และการใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงโครงการที่ดำเนินงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ โครงการ Supporting the Integrationof the Agricultural Sector into the National Adaptation Plans: NAPs-Ag.) ร่วมกับ FAO และ UNDP โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(Thai Rice NAMA) ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) ทั้งนี้ เป้าหมายสุดท้ายของการดำเนินงาน ต้องการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรพึ่งตนเองได้ มีรายได้พอใช้ ประกอบอาชีพการเกษตรได้ยั่งยืน ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด จากการมีความรู้เพียงพอปรับเปลี่ยนระบบการผลิตของตนให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสอดคล้องกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาในท้องถิ่น โดยทุกภาคส่วนต้องดำเนินการร่วมกันทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ภาครัฐกำหนดนโยบาย/มาตรการที่ผู้ปฏิบัติสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ภาคเอกชนต้องสนับสนุนปัจจัยการผลิตและเทคโนโลยี ภาคการเงินสนับสนุนเงินทุน และเกษตรกรต้องยอมรับการปรับเปลี่ยนและใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี