วันที่ 18 สิงหาคม 2563 เวลา 10.36 น. ร.ต.ท.สราวุธ สินธ์สาย พนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจาก พระครูพิพัฒน์ธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดปทุมบูชา และเจ้าคณะตำบลหนองโพรง เขต1 ว่ามีโจรใจบาปเข้ามางัดกุฏิวัดปทุมบูชา ม.1ต.บ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ก่อนที่จะเข้าไปโขมยเงินสดและสิ่งของมีค่า ประเภท ทองคำ อัญมณี พลอย เครื่องเพชร ที่ญาติโยมนำมาถวายเพื่อที่จะนำมาบรรจุใส่ในฐานพระใหญ่ที่กำลังสร้าง คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้าน ก่อนที่จะหลบหนีลอยนวล
หลังจากรับแจ้ง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานปราจีนบุรี เจ้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อำเภอศรีมหาโพธิ ภายในกุฎีเจ้าอาวาสวัดปทุมบูชา ม.1ต.บ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ จากการตรวจสอบพบประตูเหล็กด้านในมีสายยู (ที่คล้องกุญแจ) ถูกตัดออก ส่วนภายในกุฎีมีทรัพย์สินต่าง ๆ ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว ภายในกุฏิยังมีการพังประตูด้านในอีก 2 บานได้รับความเสียหาย รวมไปถึงห้องของเจ้าอาวาสเองก็ถูกคนร้ายงัดจนลูกกุญแจหลุดกระจาย
ส่วนที่หัวเตียงนอนของเจ้าอาวาส พบว่ามีร่องลอยถูกรื้อค้นจนข้าวของภายในกระจุยกระจายไปทั่ว มีเงินที่เป็นเงินสำหรับใช้ในการรักษาตัวอาการป่วยของตัวเจ้าอาวาสเอง จำนวน 170,000 บาท สูญหายไปด้วย
ส่วนตู้เซฟที่ใช้สำหรับเก็บสิ่งของมีค่า ที่ญาติโยมนำมาถวายให้เพื่อที่จะนำไปบรรจุให้ในฐานพระใหญ่ ที่กำลังมีการก่อสร้างโดยมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ได้หายไปจนหมดตู้ และพบร่องลอยของคนร้ายหลังจากก่อเหตุแล้วได้หนีออกทางประตูด้านหน้าของกุฎี บริเวณด้านหน้าก่อนถึงถนนพบถุงสีแดงที่ใช้ใส่ทองตกอยู่กับพื้นและยังพบรอยเท้า 1 คู่ ปรากฏอยู่ใกล้บริเวณที่พบถุงใส่ทอง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรอยเท้าของคนร้าย
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเข้าทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในวัดที่มีอยู่ทั่วบริเวณ ไม่สามารถบันภาพคนร้ายได้แต่อย่างใดเลย เนื่องจากอยู่ในช่วงของการปรับปรุง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานต้องทำการหาลอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้ายให้ได้มากที่สุด เพื่อเร่งติดตามมาดำเนินคดีต่อไป
พระครูพิพัฒน์ธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า ช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 08.00 - 08.30 น. อาตมาพร้อมพระสงฆ์กำลัง ทำบุญกระดูกให้กับโยมแม่อยู่บริเวณใกล้กันห่างกันไม่ถึง 5 เมตร ก็มีญาติโยมที่อยู่บริเวณดังกล่าวอยู่หลายคนก็ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเข้าไป โดยเฉพาะหลานชายอยู่ใกล้กับกุฎี หลังจากอาตมาลงมาจากศาลาเพื่อจะเข้ากุฏิก็เห็นว่ากุญแจที่ล็อคประตูไว้ถูกตัดออกรู้สึกตกใจ จึงได้เข้าไปตรวจภายในพบว่ากระเป๋าที่มีทั้งเงินสด บัตร ATM พระเครื่อง หายไป เมื่อเข้าไปตรวจห้องชั้นในก็ถูกงัดจนพัง ตู้เซฟที่เก็บของมีค่า เช่น ทองคำ เพชร พลอย ของเก่า ที่ญาติโยมนำมาถวายให้ไว้ เพื่อที่จะนำมาบรรจุใส่ในฐานพระใหญ่ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ได้หายไปจากตู้จนหมด นอกจากนั้นยังมีเงินสดที่เก็บไว้สำหรับใช้ในการรักษาตัวของอาตมาที่เก็บไว้หัวเตียงก็ถูกคนร้ายลักไปด้วย เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใครเพราะกล้องวงจรตัวที่น่าจะจับภาพได้ก็ไม่สามารถบันทึกภาพได้ แต่คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้การเคลื่อนไหวของอาตมาดี และดูราดราวมานาน
จากการสอบถาม นายบุญลือ ดวงสี อายุ 30 ปี คนงานก่อนสร้างของวัด ทราบว่า "ก่อนหน้านั้นได้มีชายรูปร่างไม่สูง ผิวดำ สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาว ได้มาเดินป้วนเปี้ยน พร้อมถือถังสังฆทานมาด้วยตนเห็นได้ถามว่ามาทำอะไร ซึ่งชายคนดังกล่าวบอกว่าจะมาทำบุญ หลังจากนั้นตนเองก็ไปทำงานต่อและมาทราบอีกที่ว่ากุฎเจ้าอาวาสถูกโจรงัด คาดว่าน่าจะเป็นชายคนดังกล่าวเพราะถังสังฆทานก็ไม่ได้ถวายให้พระสงฆ์องค์ไหนยังถูกวางทิ้งไว้หน้ากุฏิเจ้าอาวาส
นางสาวธนาธิป ผางสำเนียง อายุ 50 ปี ลูกศิษย์ กล่าวว่า คาดว่าจะเกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 8.00 น.เศษ ในช่วง 8.00 น. ก็จะไปขึ้นศาลาก็จะไม่มีคนอยู่ นอกจากหลานพระอาจารย์คอยนั่งอยู่บริเวณแถวนี้ เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบวันที่แม่พระอาจารย์เสียชีวิต ก็เลยมีการทำบุญมีชาวบ้าน ลุกหลานมาร่วมทำบุญกัน ในช่วงเวลาประมาณ 9.00 น.เศษ พระอาจารย์ก็จะเดินไปที่กฏิ ก็พบว่ากฏิผิดปกติ ประตูด้านในถูกเปิด จึงรู้ว่ามีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี