ปะทะเดือดสงขลา

3จุด2อำเภอวิสามัญ2แกนนำ

มือปฏิบัติการ-ก่อคดีโชกโชน

สั่งคุมเข้มไล่ล่าอีก4ที่หลบหนี

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จ.สงขลา ปิดล้อมปะทะเดือด คนร้าย 3 จุดในพื้นที่ “จะนะ-เทพา”ยิงวิสามัญ 2 แกนนำระดับปฏิบัติการ ก่อเหตุมาโชกโชน คดีปล้นเต็นท์รถ-ปล้นร้านทอง-ลอบวางระเบิด- ยิง อส.ชรบ.ดับ4 ศพ สั่งยกระดับความปลอดภัย เร่งไล่ล่าอีก 4 แกนนำที่หลบหนี หวั่นก่อเหตุรุนแรง

จากกรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหน่วยเฉพาะกิจสงขลา หน่วยเฉพาะกิจ ตชด.43 และกำลังตำรวจยิงปะทะเดือดกับกลุ่มคนร้ายรวม 3 จุด ช่วงค่ำคืนของวันที่ 6 กันยายนที่ผ่ายมาโดยเฉพาะบริเวณชายหาดสะกอม พื้นที่หมู่ 4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญคนร้ายเสียชีวิต1 ราย ทราบชื่อนายอุซมัน เจ๊ะมิง อายุ 39 ปี มีหมายจับ ป.วิอาญา ติดตัวและเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับปฏิบัติการมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่บ้านห้วยปลิง หมู่ 6 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา รับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าพบความเคลื่อนไหวของสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในพื้นที่4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา อย่างน้อย 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน เข้ามาในพื้นที่บ้านกรงอิตำ หมู่ 4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ อ.จะนะแต่ไม่ทราบเป้าหมายในการเข้ามาเคลื่อนไหว ประกอบด้วย นายดานียา อาหวัง อายุ 31 ปี นายอัซมัน เปาะเล๊าะ อายุ 25ปี นายสุรินทร์ กาเส็ง อายุ 26 ปี และนายจีรศักดิ์ เพ็งเล๊าะ อายุ 30 ปีซึ่งทั้ง 4 คน เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับปฏิบัติการที่มีหมายจับ ป.วิอาญา ติดตัว

ปิดล้อมปะทะเดือด3จุดสงขลา เจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมตรวจค้นแต่ทั้งหมดแยกย้ายกันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีเข้าไปยังพื้นที่ อ.จะนะ แล ะอ.เทพา เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไป จากนั้นนายอัซมัน เปาะเล๊าะ พร้อมพวกซึ่งขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทาง อ.จะนะ ได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนทิ้งรถหลบหนี ส่วนจุดที่ 2 นายสุรินทร์ กาเส็ง ซึ่งขี่รถจักรยานนยนต์หลบหนีไปในพื้นที่ อ.เทพา ได้จอดรถและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนหลบหนี และจุดที่ 3 ซึ่งเป็นแหล่งพักพิงของกลุ่มก่อการร้าย ในพื้นที่หมู่ 4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จุดนี้ได้เกิดการยิงปะทะและเจ้าหน้าที่วิสามัญฯคนร้ายเสียชีวิต1ราย คือ นายอุซมัน เจ๊ะมิง ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมจับกุม

‘อุซมัน’เคยก่อเหตุมาโชกโชน

สำหรับประวัติของ นายอุซมัน ที่ถูกวิสามัญฯ พบเคยก่อเหตุความไม่สงบอย่างโชกโชน เคยถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 29 มกราคม2556 กรณีต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย 4203 บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านป่าบอน หมู่ 1 ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 นาย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556, ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ของปลัดอำเภอ และ อส.อำเภอสะบ้าย้อย บริเวณหน้าศาลาทวดสะบ้าย้อย ในพื้นที่บ้านสะบ้าย้อย หมู่ 1 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 และ เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับปฏิบัติการ ทำหน้าที่ฝ่ายส่งกำลังบำรุง รับผิดชอบ 4 อำเภอของ จ.สงขลา

และเมื่อกลางดึก เจ้าหน้าที่ ได้ยุติปฏิบัติการและเข้าเคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยทีมแพทย์ และพนักงานสอบสวนเข้าชันสูตรศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำศพส่งโรงพยาบาลเทพา และประสานญาติมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล

พบศพผู้ก่อการร้ายเพิ่ม1ราย

และช่วงเช้าวันที่ 7 กันยายน เจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณจุดปะทะที่บริเวณชายหาดบ้านกรงอิตำ อีกครั้ง และพบคนร้ายถูกเสียชีวิต เพิ่มอีก 1 รายโดยเสียชีวิตอยู่ในทะเลริมชายหาด โดยคาดว่าระหว่างที่ยิงปะทะได้วิ่งหนีลงไปในทะเลกระทั่งเสียชีวิต โดยศพถูกพบห่างจากศพแรกราว100 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

‘เปาะจิ’ปล้นเต็นท์รถ-ร้านทอง

เบื้องต้น จากการตรวจสอบรูปพรรณของคนร้ายคาดว่า น่าจะเป็น นายเจะอารง บาเฮง อายุ 40 ปี หรือ เปาะจิ แกนนำกลุ่มก่อการร้ายคนสำคัญรับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา พบประวัติเคยก่อเหตุปล้นเต้นรถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ ที่ อ.นาทวี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560 และปล้นร้านทองห้างทองสุธาดา ใน อ.นาทวี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ได้ทองคำไปเกลี้ยงร้านกว่า2156บาท มูลค่ากว่า 60 ล้านและเป็นการปล้นร้านทองครั้งใหญ่สุดในประเทศไทย รวมทั้ง บุกโจมตีฐานปฏิบัติการย่อยของชุดคุ้มครองตำบล บ้านกอแลปิเละ ตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร อส. ชรบ. เสียชีวิตรวม 4 ราย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563

ก่อคดีโชกโชน-มี 9 หมายจับ

สำหรับหมายจับ มีดังนี้ 1.หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.305/2560 ลง 7 ก.ย.60,2.หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 273/2562 ลง 19 ก.ค.62, 3. หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 280/2562 ลง 23 ก.ค.62, 4. หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 290/2562 ลง 25 ก.ค.62, 5. หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 302/2562 ลง 5 ส.ค.62,6. หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.411/2562 ลง 7 พ.ย.62, 7.หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 186/2563 ลง 15 เม.ย.63, 8.หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 190/2563 ลง 15 เม.ย.63 และ 9.หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 195/2563 ลง 16 เม.ย.

สั่งคุมเข้ม-ไล่ล่าอีก4คนร้ายหลบหนี

เจ้าหน้าที่ได้ประสานทุกหน่วยในพื้นที่ให้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะคาดว่าการเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ของแกนนำก่อความไม่สงบในครั้งนี้ อาจมีแผนก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย พร้อมทั้งได้จัดกำลังไล่ล่าแกนนำอีก 4 คน ที่หลบหนีไปได้ ประกอบด้วย นายดานียา อาหวัง อายุ 31 ปี นายอัซมัน เปาะเล๊าะ อายุ 25 ปี นายสุรินทร์ กาเส็ง อายุ 26 ปี และนายจีรศักดิ์ เพ็งเล๊าะ อายุ 30 ปีซึ่งล้วนเป็นแกนนำก่อการร้ายระดับปฏิบัติการในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ทั้งสิ้น

15ชีวิตฉลองปริญญาหนีตายระทึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นซึ่งบริเวณเกิดเหตุเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของอ.เทพา ขณะเกิดเหตุ มีชาวบ้านอยู่ในเหตุการณ์และพากันวิ่งหนีตายออกจากจุดเกิดเหตุ หนึ่งในนั้น คือ ครอบครัวของชาวบ้าน ที่เดินทางมาจาก อ.ยะหา จ.ยะลา 15 คน ได้มาเลี้ยงฉลองรับปริญญาให้บัณฑิตจบใหม่ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา พากันมาถ่ายรูปชุดครุยที่บริเวณชายหาดบ้านกรงอิตำ ตั้งแต่ช่วงบ่าย และนั่งเล่นรับประทานอาหารจนถึงช่วงค่ำ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น และต้องพากันวิ่งหนีตายออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะคนร้ายวิ่งผ่านมาทางที่นั่งอยู่พอดี โดยได้ทิ้งข้าวของสัมภาระไว้ในที่เกิดเหตุทั้งมือถือกล้องถ่ายรูป กระเป๋าเสื้อผ้า รองเท้า แก๊สปิกนิก และของใช้ส่วนตัว พร้อมกับได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เทพา เมื่อช่วงเช้าญาติๆของทั้ง 15 คน ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อที่จะรับของคืนโดยเจ้าหน้าที่ ได้พาเข้าไปเก็บสิ่งของทั้งหมดใส่รถกระบะนำออกมา

หญิงสาว ที่อยู่ในเหตุ เล่าว่าได้พาครอบครัวทั้งผู้ใหญ่และเด็กรวม 15คนมาถ่ายรูปหลานสาวรับปริญญา กระทั่งใกล้ค่ำ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น คนร้ายก็ได้วิ่งมาทางพวกตนและมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นชุด จึงต้องพากันวิ่งหนีตายออกมาทิ้งข้าวของเอาไว้ในที่เกิดเหตุและมาพบกับตำรวจจึงได้พาออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย ตกใจมากและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจอเหตุการณ์แบบนี้โชคดีที่ทุกคนปลอดภัย