พร้อมรับมือเปิดประเทศ
สธ.สั่งทุกจังหวัดเตรียมสถานที่กักตัว
สต๊อกยา-เวชภัณฑ์เต็มร้อย
สกัดโควิดระบาดได้3เท่า
ลั่นเอาอยู่!ตปท.เข้าไทย
จำกัดโควตา1-2หมื่น/วัน
ศบค.เจอผู้ป่วยโควิดใหม่ 2 ราย เป็นคนไทยกลับจากสหรัฐ-กาตาร์ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม สธ.แจงแผนกระจายทรัพยากรการแพทย์เพียงพอสำหรับบุคลากร-ประชาชนทั่วไป พร้อมสั่งทุกจังหวัดเปิดสถานที่กักกันทางเลือก ยันสำรองยา-เวชภัณฑ์เต็มที่สู้ไวรัสระบาดได้ 2-3 เท่า ด้านกรมควบคุมโรคเผยผลตรวจเชื้อโควิดนักเตะ 3 สโมสรอย่างเป็นทางการพบเป็นลบ
เมื่อวันที่ 14 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อใหม่ 2 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine)
ไทยติดโควิด2กลับจากสหรัฐฯ-กาตาร์
โดยทั้งสองรายดังกล่าว รายแรกเป็นชายไทยอายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างสอนหนังสือ เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ถึงไทยวันที่ 5 กันยายน เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 13 กันยายน อีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพนักศึกษา เดินทางกลับจากกาตาร์ เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 11 กันยายน สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,475 คน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 2,445 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 537 คน จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,312 คน และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 105 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่ 58 คน
สธ.แจงสต๊อคยา-เวชภัณฑ์รับได้2-3เท่า
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงถึงแผนกระจายทรัพยากรลงไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ว่า ขณะนี้มีชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 1.4 ล้านชุด หน้ากาก N 95 จำนวน 2.4 ชิ้น และหน้ากากทางการแพทย์ 43 ล้านชิ้น นอกจากนี้ ยังพบมีโรงงานผลิตหน้ากากเพิ่มจำนวนจาก 9 แห่ง เป็น 45 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 3.4 ล้านชิ้น เพราะฉะนั้นเพียงพอสำหรับบุคลากรการแพทย์และประชาชนทั่วไป
สำหรับยารักษาโรค นพ.สุรโชคกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีฟาวิพิราเวียร์ 5.9 แสนเม็ด แม้ว่ายาลอตนี้จะหมดอายุประมาณเดือนเมษายน 256 4 แต่ยังไม่จำเป็นต้องสั่งเข้ามาเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตยานี้มากขึ้น จากที่มีแค่ญี่ปุ่นและจีน ก็มีผู้ผลิตจากอินเดียหลายบริษัท ซึ่งขณะนี้อย.ขึ้นทะเบียนให้นำเข้า และจำหน่ายในประเทศไทย 2 บริษัท ฉะนั้นถ้าสั่งไปแล้วสามารถส่งยาเข้ามาได้ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนยาเรมเดซิเวียร์ มีอยู่ในสต๊อก 400 หลอด อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ไทยใช้ฟาวิพิราเวียร์เป็นหลัก ทั้งนี้ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่เราเตรียมความพร้อมไว้ เพียงพอรองรับระบาดมากกว่า 2-3 เท่า
ยันพร้อมรับเปิดปท.ขับเคลื่อนศก.
ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกันโควิดในไทยคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม เตรียมเอกสารให้พร้อม หากทดลองในมนุษย์ได้แล้วจะได้ไม่ล่าช้า ขณะที่ความคืบหน้าวัคซีนทั่วโลก โดยเฉพาะแอสตร้าเซเนก้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ที่ชะลอการวิจัยเพราะเกิดปัญหาทดลองในมนุษย์เฟส 3 ผู้ได้รับวัคซีนเป็นอัมพาตนั้น กลับมาทดลองต่อแล้ว
ด้านนพ. วิฑูรย์ อนันต์กุล ผอ.กองสาธารณสุขฉุกเฉินกล่าวว่า ที่ผ่านมา สธ.ควบคุมโรคได้ดีระดับที่พึงพอใจ แต่เวลานี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ประเทศจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเปิดรับคนเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ดังนั้น ประชาชนต้องเข้าใจว่าถึงจุดหนึ่งเราอาจมีผู้ป่วยเกิดขึ้นได้ แต่อยู่บนพื้นฐานที่กระทรวงสาธารณสุขรับมือได้ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมทั้งกำลังคน ทรัพยากร ยา เวชภัณฑ์ไว้รองรับเพียงพอโดยวางแผนรับมือแบบวันต่อวัน
สั่งทุกจว.ตั้งASQอย่างน้อย1แห่ง
“พร้อมกันนี้ สธ.ยังสั่งการทุกจังหวัดทั่วประเทศพิจารณาตั้งสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine :ASQ) อย่างน้อยคือจังหวัดละ 1 แห่ง เป็นโรงแรมจับคู่กับรพ.เอกชน หรือจับคู่รพ.ของรัฐก็ได้ พร้อมค้นหาเชิงลึกสม่ำเสมอ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าเปิดประเทศได้ ทั้งนี้ จากที่หารือกันในสธ. วันนี้ในจำนวนคนที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาไทย 120 คน จะพบติดเชื้อ 1 คน เราก็คำนวณจากตรงนี้ เทียบกับความพร้อมของเรา พบว่าวันนี้เรารับคนเดินทางเข้าประเทศได้วันละ 1-2 หมื่นคน สามารถรับมือกับผู้ติดเชื้อได้จำนวนหนึ่ง วันละประมาณ 100 คน อย่างไรก็ตาม ศักยภาพสถานพยาบาลสามารถรับมือผู้ป่วยได้ภาพรวม กทม. 1 หมื่นคน ต่างจังหวัด 1 หมื่นคน” นพ.วิฑูรย์ กล่าว.
โล่ง!ผลตรวจนักเตะ3สโมสรเป็นลบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขรายงานความคืบหน้าผลสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 (COVID-19)อย่างเป็นทางการ กรณีนักฟุตบอลไทยลีกชาวอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปีตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ผลการดำเนินงาน ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สอบสวนโรคค้นหาติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนักฟุตบอลรายดังกล่าวทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR ผลตรวจพบว่า 1. สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีผู้สัมผัส รวม 47 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกราย ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 2. สถานที่อื่นในจ.บุรีรัมย์ มีผู้สัมผัส 286 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 27 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ จะครบกักกันวันที่ 24 กันยายน และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 259 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ
3. สโมสรราชบุรี มิตรผล มีผู้สัมผัส รวม 44 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 คน ครบกักกันวันที่ 13 กันยายน และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 43 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ส่วนอีก 1 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ไม่ได้ลงเตะนัดอุ่นเครื่อง ผลตรวจเมื่อวันที่ 9 กันยายนเป็นลบ 4. สโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด มีผู้สัมผัส 51 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 15 คน จะครบกักกันวันที่ 19 กันยายน และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 36 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 5.ผู้โดยสารเครื่องบินเดียวกัน มีผู้สัมผัส รวม 13 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทุกราย ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 6 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ รวมผู้สัมผัสทุกสถานที่ 441 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 341 คน ให้ผลตรวจเป็นลบ 147 คน รอผลตรวจ 286 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี