เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปเกาะสมุยร่วมกับกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรหนึ่งนับว่าเป็นการเดินทางไปเกาะสมุยในรอบหลายปีของผม โดยที่สมาชิกท่านหนึ่งเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเกาะสมุย ขอให้พวกเราไปช่วยเพิ่มความคึกคักให้เกาะสมุยกันบ้างหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี
ภาพจำเมื่อครั้งเดินทางไปประชุมที่เกาะสมุยก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เกาะสมุยเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของไทยที่เต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีการก่อสร้างอาคารต่างๆ ร้านอาหาร โรงแรม คลับบาร์ แหล่งบันเทิงหลากหลายเต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณชายหาดที่เป็นที่นิยมเช่นหาดเฉวง หาดละไม เป็นต้น ถ้าเราขับรถในเส้นทางเหล่านี้แทบจะมองไม่เห็นหาดเลย แต่ภาพปัจจุบันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมองเห็นความซบเซาที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกถึงเมื่อเดินทางไปเกาะแห่งนี้ครั้งแรกราวปี 2527 หรือกว่า 35 ปีมาแล้วมีทั้งความเหมือนและความแตกต่าง ส่วนที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคืออาคารตึกรามบ้านช่อง ห้องอาหาร โรงแรม คลับ บาร์สารพัด เกิดขึ้นเต็มไปหมด ในยุคนั้นยังไม่มีสภาพแบบนี้ให้เห็น แต่สิ่งที่เหมือนกับ 35 ปีที่แล้ว คือความสงบ ความเงียบ ครั้งแรกที่ไปนั้น ผมขึ้นไปพักบนเรือนพักในสวนทุเรียนของเพื่อน และยังได้รับการบอกกล่าวว่า เพราะเป็นลูกรักจึงได้สวนจากบรรพบุรุษ ส่วนลูกชังได้รับมรดกเป็นที่ดินติดทะเล ปลูกมะพร้าวไม่ได้ลูก ปลูกทุเรียนก็ไม่ได้ กาลต่อมาเมื่อราคาที่ดินบริเวณชายหาดมีราคาสูงขึ้นมาก จึงเกิดคำพูดแรงๆ ตามมาว่า ใครกันแน่ที่เป็นลูกรัก ใครกันแน่เป็นลูกชัง ที่ดินชายหาดที่สร้างมูลค่า นำไปสู่ความมั่งคั่งมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินบนเขา สวนมะพร้าว สวนทุเรียนด้อยค่าลงไปมาก
แต่เมื่อเวลาหมุนมาสู่ยุคโควิด วันนี้ทุกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เวียนกลับมาอยู่ที่เดิม เห็นการเก็บเกี่ยวทุเรียน มังคุด ดูคึกคัก เห็นรถขนส่งผลไม้วิ่งกันไปมาเห็นล้งเปิดรับซื้อผลไม้ถึงในสวน และเมื่อติดตามข้อมูลลึกลงไปอีก สมาชิกของกลุ่มดังกล่าวมีทั้งกิจการโรงแรมและสวนผลไม้ด้วย วันนี้ต้องปรับตัว ปรับธุรกิจ อย่างที่เรียกว่าสลับขั้วกันเลยทีเดียว กิจการโรงแรมต้องหยุดและปิดตัวลงหรือเปิดให้บริการได้บางส่วนเท่านั้น พนักงานเกือบ 200 คนต้องปรับลด บางส่วนก็นำไปช่วยกันทำสวนเพื่อสร้างรายได้มาใช้เลี้ยงกิจการ ภาพของการทำสวนจึงหันกลับมาคึกคัก มีการขยายและดูแลสวนอย่างเอาจริงเอาจังมากกว่าแต่ก่อนที่ปล่อยเป็นทุเรียนป่า นานๆ จะเข้าสวนหรือไม่ก็เข้าสวนเมื่อจะเก็บผลผลิตเท่านั้น แต่วันนี้มีการตัดหญ้ากำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น บำรุงผลกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาทุเรียนปีนี้ ค่อนข้างดี ยิ่งจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่ม มีการปลูกเพิ่ม เพื่อเพิ่มจำนวนต้นต่อพื้นที่และขยายการปลูกเพิ่มขึ้น เห็นได้จากต้นทุเรียนปลูกใหม่และต้นทุเรียนขนาดเล็กที่อยู่กระจัดกระจายในสวน พื้นที่บนเขาจึงมีผู้คนมากมาย คึกคักกว่าพื้นที่ริมหาด เห็นการเข้าไปเฝ้าสวนและดูแลสวนกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ขณะเดียวกันอีกภาพที่เห็นคือ การสร้างรีสอร์ท หรือบ้านพัก ของชุมชนบนเขาเพิ่มมากขึ้น แหล่งท่องเที่ยวบนเขามีการพัฒนาและขยายตัวมากกว่าชายทะเล สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นภาพของเกาะสมุยที่เปลี่ยนไป นอกจากผลไม้หลักๆแล้ว ยังมีผู้สนใจขยายการผลิตไปสู่พืชชนิดอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ และต้องนำเข้าจากพื้นที่บนฝั่งหลายชนิด เริ่มมีการผลิตและวางจำหน่ายบ้างแล้ว เห็นได้ว่าวิถีชีวิตเริ่มเปลี่ยนไป เพิ่มทางเลือกเพื่อความอยู่รอด สร้างผลผลิตจากแหล่งที่ถูกลืม หลังจากที่เพลิดเพลินกับแหล่งเงินหรือความมั่งคั่งด้านอื่นๆ สุดท้ายเมื่อเกิดเหตุที่ทำให้เกิดความผันผวน ก็หนีไม่พ้นภาคเกษตร ที่เป็นผู้ผลิตอาหาร ยังคงทำหน้าที่เป็นแหล่งพักพิง แหล่งดูดซับความเสี่ยง ความล้มเหลวจากสาขาอาชีพต่างๆ เป็นเสมือนฐานให้กับสังคมได้อย่างดี สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้โอกาสนี้ สร้างการปรับเปลี่ยน พัฒนาไปสู่ความมั่นคงในอาชีพนี้ให้ได้ นอกเหนือจากการที่ทำหน้าที่แค่ตัวดูดซับความเสี่ยง ความล้มเหลวจากสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ ของสังคม สำคัญที่สุด ต้องปรับแนวคิดกันใหม่ว่า “การเกษตรสร้างชาติ” ได้จริง เพราะ “เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง” เหมือนที่หม่อนเจ้าสิทธิพร กฤษดากร ท่านได้กล่าวไว้
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี