สธ.ห่วงคนไทยการ์ดเริ่มตก
เตือนให้กลับมาทำเป็นนิสัย
ตั้งศปก.ศบค.ไว้รับนักท่องเที่ยว
ติดเชื้อโควิดใหม่5จาก4ประเทศ
ไทยพบติดเชื้อใหม่ 5 ราย กลับจาก 4 ปท.“ฟิลิปปินส์-อิหร่าน-อินเดีย-บราซิล” เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ ด้านสธ.โพลล์สำรวจพบคนไทยการ์ดตก โดยจำนวนคนสวมหน้ากากอนามัยลดฮวบ จาก 93.5% เหลือแค่ 66% เตือนคนไทยกลับมาเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อตรึงสถานการณ์ติดเชื้อให้ต่ำซึ่งผลพลอยได้ยังป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจได้หลายโรค ขณะที่ “วิษณุ”แจงตั้ง “ศปก.ศบค.” เพื่อรับมือหลังรบ.ผ่อนผันให้นทท.วีซ่าพิเศษเข้ามา1ตค.ปัดไม่ใช่การระบาดระลอก 2
เมื่อวันที่ 1ตุลาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า ไทยพบผู้ป่วยใหม่ 5 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 3,569 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,445 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ(State Quarantine) 631 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,379 ราย ยั งรักษาอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 131 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,559 ราย รักษาในกรุงเทพมหานคร(กทม.) และนนทบุรี 1,947 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 671 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 744 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางมาจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ 1 ราย อิหร่าน 1 ราย อินเดีย 1 รายและบราซิล 2 ราย
ป่วยใหม่5รายกลับจาก4ประเทศ
สำหรับผู้ป่วยใหม่ 5 รายนั้น เดินทางมาจาก 4 ประเทศได้แก่ ฟิลิปปินส์ 1 ราย เป็นเพศชาย สัญชาติฟิลิปปินส์ อายุ 26 ปี เมื่อวันที่ 23 กันยายน เดินทางถึงประเทศไทย ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน เข้าพักสถานที่กักกันทางเลือก(Alternative State Quarantine:ASQ) ในกทม. เมื่อวันที่ 26 กันยายน ตรวจครั้งแรก ผลไม่ชัดเจน เมื่อวันที่ 29 กันยายน เก็บตรวจซ้ำผลพบเชื้อ โดยไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในรพ.เอกชนแห่งหนึ่งที่กทม. อิหร่าน 1 ราย เพศชาย สัญชาติไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 24 กันยายน เข้าพักสถานที่กักกันโรคของรัฐ (SQ)ในจ.ชลบุรี ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 กันยายน วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจครั้งแรกพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาใน รพ.แห่งหนึ่ง จ.ชลบุรี
อินเดีย 1 ราย เพศชาย อายุ 41 ปี สัญชาติอินเดีย อาชีพค้าขาย เมื่อวันที่ 25 กันยายน เดินทางมาถึงประเทศไทย มีรายงานผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน 2 ราย เข้าพักสถานที่กักกันทางเลือก(ASQ) ใน กทม. เมื่อวันที่ 26 กันยายน เริ่มป่วยด้วยอาการเจ็บคอ เมื่อวันที่ 27 กันยายน เริ่มมีไข้ เมื่อวันที่ 29 กันยายน วันที่ 4 ของการกักตัว ตรวจครั้งแรก ผลพบเชื้อ และเข้ารับการรักษาในรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง กทม. และบราซิล 2 ราย เป็นสามี-ภรรยา อายุ 28 ปี สัญชาติบราซิล สามีเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอล เมื่อวันที่ 28 กันยายน เดินทางถึงไทย เข้าพักสถานที่กักกันทางเลือก(ASQ)ในกทม. ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 กันยายน ตรวจครั้งแรก พบเชื้อ โดยไม่มีอาการ เข้ารักษารพ.เอกชนแห่หนึ่ง กทม.
คนไทยการ์ดตกใส่แมสเหลือแค่66%
ด้านพญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำรวจการรับรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด-19 (ดีดีซีโพล) ครั้งล่าสุดระหว่างวันที่ 16 - 28 กันยายน มีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,729 คน พบประชาชนมีแนวโน้มมีพฤติกรรมสุขภาพลดลง ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก ช่วงไม่มีอาการที่ลดลงต่อเนื่อง จากที่เคยสูงสุด 93.5% เหลือ 66.9% ส่วนการสวมหน้ากากเมื่อมีอาการป่วยมีแนวโน้มคงที่คือ 91% แต่ก็น้อยกว่าช่วงที่มีการระบาดในประเทศเมื่อเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ที่สูงถึง 94.9%
เมื่อถามว่าจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อใด 55.3% ระบุยังสวมหน้ากากต่อเนื่อง 43.7% ระบุว่าเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศ และ 37.7% ระบุเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังพบประชาชนมีแนวโน้มเลือกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไม่มีอาการป่วยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกลง
สธ.ย้ำเข้มมาตรการสธ.ให้เป็นนิสัย
ทั้งนี้ สธ.ขอย้ำประชาชนร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการ ด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ
เพื่อรักษาสถานการณ์ให้อยู่ระดับต่ำต่อไป และยังช่วยทำให้การเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลงด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–26 กันยายน พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 110,930 ราย เสียชีวิต 4 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายงานผู้ป่วย 304,4225 ราย ส่วนโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 621,445 ราย เสียชีวิต 2 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2562 ที่พบ 883,449 ราย เสียชีวิต 5 ราย
ชี้ตั้งศปก.ศบค.รับนทท.วีซ่าพิเศษ
ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯสมช.) เข้าหารือระเบียบและข้อกฎหมายตั้งศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.ศบค.) ขึ้นในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) ศบค.ว่า เมื่อสถานการณ์โควิดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มีหลายศูนย์อยู่ในศบค. ทั้งฝ่ายแพทย์ ฝ่ายกักตัว และวันนี้ยังต้องขยายเวลาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เพื่อไปควบคุมหรือไปทำอะไรใคร แต่ต้องการบูรณาการงาน สนธิกำลังหรือทำให้เป็นเอกภาพ เพราะการมีหลายศูนย์ในศบค.นั้น อาจกระจัดกระจายเกินไป ไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งพล.อ.ณัฐพลเห็นว่า เมื่อศบค.ต้องการสร้างความเป็นเอกภาพ ต้องการบูรณาการ จึงคิดและเสนอมาให้ตั้ง ศปก.ศบค. เป็นศูนย์ในขั้นปฏิบัติการ จึงต้องการรวมเข้ามาเป็นศูนย์ปฏิบัติการหรือศปก. เพื่อกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอเข้าศบค.ชุดใหญ่ ก่อนเสนอเข้าครม. จะได้เป็น 3 ชั้น รอบคอบดี เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเราจึงต้องรวมเข้ามา มีเลขาฯสมช.เป็นประธาน
ปัดตั้งเพราะส่อระบาดรอบ2
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าตั้งศปก.ศบค.นี้ขึ้นมาเพื่อรับมือการระบาดรอบสองของโควิด-19 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เพื่อทำให้มีความทะมัดทะแมงและรวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าโควิด19 ระบาดระลอกสอง ก็ต้องกลับไปใช้โครงสร้างเดิมทั้งหมด เพื่อกระจายงานออกไปเหมือนเดิม ไม่เช่นนั้น จะไม่ทัน แต่ที่ตั้งครั้งนี้ เพราะสถานการณ์มันบรรเทาลง และขณะเดียวกัน การที่ศบค.เปิดผ่อนผันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เตรียมรับมือ ไม่ว่าจะลงภูเก็ตลงสุวรรณภูมิ จึงเป็นเหตุที่ศปก.ศบค.ต้องเตรียมรับมือส่วนนี้ด้วย นั่นคือ การรับมืออย่างรวดเร็ว
ทบ.ส่งทหารชุดเดิมไปฝึกสหรัฐ
วันเดียวกัน พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยหลังกองทัพบกส่งกำลังพลเข้าร่วมการฝึก Lightning Forge 2020 ที่สหรัฐฯ เมื่อกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจากแผนฝึกจะทดสอบและประเมินผลในเดือนตุลาคมนี้ ดังนั้น เพื่อความต่อเนื่องของแผนงานดังกล่าว และเป็นไปตามพันธกรณีกับกองทัพมิตรประเทศ กองทัพบกเตรียมส่ง“กองร้อยทหารราบฝึกผสมไทย-สหรัฐอเมริกา”ไปร่วมประเมินผลการฝึก ที่ศูนย์การเตรียมความพร้อมร่วม (Joint Readiness Training Center : JRTC) Fort Polk รัฐหลุยเซียนน่า สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563 โดยจัดกำลังจากหน่วยเดิม และเป็นกำลังพลชุดเดิมที่เคยเดินทางไปฝึก เมื่อเดือนกรกฎาคมเป็นหน่วยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 189 นาย ซึ่งกองทัพบกสร้างมาตรการป้องกันเรียนรู้ เพื่อให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาด โควิด-19 และกำลังพลพร้อม ทั้งด้านสมรรถภาพร่างกาย เชื่อมั่นระบบป้องกันการติดเชื้อที่กองทัพบกเตรียมการไว้ พร้อมเผชิญหน้ากับความเสี่ยง รวมถึงกำลังพลที่เคยได้รับผลกระทบจากการฝึกครั้งที่ผ่านมา
ยันใช้มาตรการสกัดโรคเคร่งครัด
การร่วมประเมินผลการฝึกครั้งนี้เป็นความต่อเนื่องยกระดับ และพัฒนาความสามารถกำลังพล โดยเฉพาะด้านยุทธวิธีการรบ วิวัฒนาการทางทหารและเทคโนโลยี รวมถึงได้เรียนรู้ภูมิภาคที่แตกต่างภายใต้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ โดยปีนี้มีกองทัพสหรัฐฯ อินโดนีเซีย และไทยเข้าร่วมประเมินผล สำหรับกำลังพลที่จะเดินทางไป JRTC ครั้งนี้ ได้รับกักตัว 5 วัน และทดสอบหาเชื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางโดยอากาศยานเช่าเหมาลำ ในระหว่างอยู่ที่สหรัฐจะพักอยู่ในพื้นที่ควบคุมเฉพาะ (Training Bubble) ไม่พบปะบุคคลภายนอกที่ไม่ผ่านการตรวจเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อตามที่กองทัพบกสหรัฐวางมาตรการไว้เคร่งครัด มีกำหนดเดินทางกลับไทยวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยผ่านกระบวนการเข้าประเทศตามมาตรการ ศบค. กำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี