สหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด อำเภอชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม เริ่มดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นให้สมาชิกมีรายได้สามารถจุนเจือครอบครัวได้ทุกวัน ด้วยการปลูกพืช ผักสวนครัว ที่คนในหมู่บ้านและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง นิยมรับประทานกันเป็นประจำ เช่น ผักหวาน มะละกอ กล้วย พริก นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ โดยดูพื้นฐานของสมาชิกเป็นหลัก สหกรณ์ฯ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการส่งเสริม พัฒนาไปทีละขั้นอย่างมั่นคงนอกจากนั้น สหกรณ์ฯ ยังมีแนวคิดที่จะปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตอนหนึ่งว่า...ป่าไม้ที่จะปลูกนั้น สมควรที่จะปลูกแบบป่าใช้ไม้หนึ่ง ป่าสำหรับใช้ผลหนึ่ง ป่าสำหรับใช้เป็นฟืนอย่างหนึ่ง อันนี้ แยกออกไปเป็นกว้างๆ ใหญ่ๆ การที่จะปลูกต้นไม้สำหรับได้ประโยชน์ดังนี้ ในคำวิเคราะห์ของกรมป่าไม้รู้สึกจะไม่ใช่ป่าไม้ แต่ในความหมายของการช่วยเหลือเพื่อต้นน้ำลำธารนั้น ป่าไม้เช่นนี้จะเป็นสวนผลไม้ก็ตามหรือเป็นสวนไม้ฟืนก็ตามนั่นแหละเป็นป่าไม้ที่ถูกต้อง เพราะทำหน้าที่เป็นป่า คือ เป็นต้นไม้และทำหน้าที่เป็นทรัพยากรในด้านสำหรับให้ผลที่มาเป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้... (ที่มา : มูลนิธิชัยพัฒนา )
นางพิชญาภัค ขันตี ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด กล่าวว่า อยากให้สหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด เป็นแหล่งเรียนรู้ สหกรณ์ฯ จึงเริ่มปลูกผักหวาน และปลูกป่าต้นพยุงในพื้นที่สหกรณ์ก่อน เพื่อหวังว่าจะเป็นแปลงสาธิตต้นแบบให้แก่สมาชิกและประชาชนทั่วไป โดยการปลูกผักหวาน และป่าต้นพยุงครั้งนี้ ได้น้อมนำทฤษฎีจากการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง มาเป็นแนวทางและการส่งเสริมสมาชิกนั้น สหกรณ์ฯ มีทั้งโครงการปลูกพืชระยะสั้น และโครงการขุดบ่อบาดาล เพื่อให้สมาชิกสามารถปลูกพืชระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีแหล่งน้ำไว้ใช้ ลดการพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 2.7 ล้านบาท
สหกรณ์ฯมองว่า การปลูกพืชผักสวนครัวอย่างผักหวาน มะละกอ กล้วย พริก ซึ่งเป็นพืชที่รับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว สมาชิกปลูกเอง ทานเอง เหลือก็นำมาขาย สามารถนำมาวางขายได้ที่สหกรณ์ฯ มีรายได้กลับเข้ามาจุนเจือครอบครัว และใช้พื้นที่ในการปลูกไม่มาก ยกตัวอย่างกล้วย หรือมะละกอ ปลูกบ้านละ 2-3 ต้น ก็สามารถเก็บผลมาขายได้แล้ว
นายอัมพร โพธิ์ทอง ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด กล่าวอีกว่า อยากให้สหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผลผลิตของสมาชิก ให้สมาชิกมีที่จำหน่าย มีรายได้ทุกวัน ปัจจุบันทางสหกรณ์ฯ ได้ส่งเสริม สนับสนุน ให้สมาชิกปลูกพืช ผักสวนครัว เนื่องจากเห็นว่าทุกครอบครัวต้องรับประทานกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว เช่น ผักหวาน เป็นผักที่ขายได้ราคาดี และคนในพื้นที่รับประทานกันเป็นประจำแต่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามยังปลูกค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่รับมาจากต่างจังหวัดเพื่อนำมาขายต่อ หากเราส่งเสริมให้สมาชิกปลูกผักหวาน ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกได้อย่างแน่นอน
นายประเสริฐ โสมาบุตร สมาชิกสหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัดและครอบครัว เผยว่า ตนและครอบครัว ได้เริ่มปลูกผักหวาน โดยได้ซื้อพันธุ์ต้นกล้ามาจากจังหวัดสระบุรี ปัจจุบันปลูกผักหวานราว 500 ต้น โดยธรรมชาติของผักหวานนั้นต้องการร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่จึงจะอยู่รอดและออกยอดได้อย่างสวยงาม การดูแลนั้น เพียงใส่ปุ๋ยในครั้งแรกที่ปลูก โดยโรยปุ๋ยธรรมชาติ เช่นมูลหมูมูลวัว รอบๆ ต้น ห่างประมาณ 1 คืบ และทำระบบน้ำหยดในการรดน้ำ ใช้เวลาในการปลูกประมาณ18 เดือนก็สามารถตัดยอดนำไปขายได้ กิโลกรัมละ 200 บาทเลยทีเดียว นอกจากปลูกเพื่อตัดยอดขายแล้ว ตนและครอบครัวยังเพาะต้นกล้าเพื่อขายอีกด้วย โดยต้นกล้าจะขายในราคาต้นละ30 บาท ทำให้ครอบครัวมีรายได้เข้ามาทุกวัน และที่สำคัญครอบครัวได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ไม่ต้องไปทำงานต่างถิ่น
จากความมุ่งมั่นของสหกรณ์การเกษตรศรีชื่นชม จำกัด ในการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรสมาชิก มุ่งหวังให้สหกรณ์ฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นศูนย์รวมการจำหน่ายสินค้าของสมาชิกแล้ว ยังตั้งใจที่จะปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อเกื้อกูลธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ขึ้น ตามแนวพระราชดำริอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี