ผู้บริหาร บ.อสังหาฯ ร้อง อสส. ขอความเป็นธรรมถูกตร.ดำเนิคดีค้ายาไอซ์ เจ้าตัวยืนยัน ความบริสุทธิ์ แจงหลักฐานใหม่ 7 ข้อทั้งที่สายลับยันไม่ใช่เอเย่นซ์ค้ายา
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายณัฎฐนันท์ รัตนาพรรณ อายุ 46 ปี ผู้บริหารบริษัทเอกชนด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติด (ยาไอซ์) พร้อม นายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความ เดินทางยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด (อสส.)โดยมี นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบหนังสือแทน
นายณัฏฐนันท์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย.62 ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงสาเหตุของคดีจึงทราบว่าคดีนี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค.60 สายลับได้ทำการล่อซื้อยาไอซ์กับนายโอ จำนวน 174.008 กรัม โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารมูลค่า 7 หมื่นบาท และนัดหมายรับยาไอซ์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม โดยสายลับแจ้งว่านายโอจะใช้รถยี่ห้อมาสด้า 3 สีน้ำเงิน ทะเบียน 4 กช 9951 กรุงเทพมหานคร เป็นพาหนะในการส่งมอบยาเสพติด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุก็ไม่พบนายโอ ต่อมาได้มีการนัดหมายอีกครั้งที่ซอยเพชรเกษม 69 แต่ก็ไม่พบนายโออีก กระทั่งลูกน้องนายโอแจ้งกับสายลับว่า ได้นำยาไอซ์ไปวางไว้ที่บริเวณซอยศุภวรรณ 2 เขตหนองแขม กทม. เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพบถุงขนมกรุบกรอบยี่ห้อปูไทยสีแดงข้างในมีถุงซิปล็อคบรรจุยาไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 189.77 กรัม วางอยู่ข้างที่ทิ้งขยะ แต่ไม่พบตัวบุคคล
นายณัฏฐนันท์ กล่าวอีกว่า ตนได้นำเจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านพักและคอนโดฯก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และในวันชี้ตัว สายลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเคยพบกับนายโอก็ยืนยันว่า ตนไม่ใช่นายโอ ขอให้ปล่อยตนไป เพราะนายโอมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนคนเล่นกล้าม แทนที่พนักงานสอบสวนจะทำความเห็นเพิ่มเติมเข้าไปในสำนวนให้อัยการทราบข้อเท็จจริงที่สายลับยืนยันว่า ตนไม่ใช่นายโอ แต่พนักงานสอบสวนคดีนี้และผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนได้เข้ามาขอโทษตน และแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับตน เพราะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องไว้แล้ว ส่งไปที่อัยการก่อนที่จะเข้าจับกุมตน เป็นการปัดภาระให้ตนต่อสู้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน 2 ครั้ง และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดอีก 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้า และอัยการได้นัดให้ตนรายงานตัววันที่ 28 พ.ย.นี้ ตนมีความกังวล จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออสส.อีกครั้ง โดยได้ชี้แจงหลักฐานในประเด็นใหม่เพิ่มเติมอีก 7 ข้อด้วย
"ผมไม่ใช่ผู้กระทำผิดและไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด วันที่ตำรวจอ้างว่าพบยาเสพติด ผมทำงานและประชุมอยู่ที่บริษัท แต่ยอมรับว่าเคยไปคอนโดฯเพื่อนสนิท ซึ่งอยู่อาคารเดียวกับห้องพักของนายโอ รวมถึงจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์และบัญชีธุรกรรมการเงินที่ใช้ซื้อขายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่พบมีความเชื่อมโยงกับผม
ส่วนรถยนต์ที่สายลับอ้างนั้น ผมไม่เคยครอบครองหรือใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าว แต่ผมเคยมีรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า รุ่น CX 5 ทะเบียน 4 กช 9951 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรถเดียวกัน และได้ขายรถคันนี้ให้พี่สาวตน แบบโอนลอย โดยมีการส่งมอบรถยนต์เมื่อเดือน ก.ย.60 และพี่สาวได้นำรถไปประกาศขายในอินเตอร์เน็ต และขายได้เมื่อเดือน ก.พ.61" นายณัฏฐ์นันท์ กล่าวยืนยัน
ด้าน นายประยุทธ กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องตามขั้นตอนแล้ว ก็จะนำเรียนให้ อสส.ทราบ เพื่อพิจารณาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย แต่เท่าที่รับฟังเบื้องต้นเป็นกรณีที่ผู้ร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของสำนวนคดีจะเป็นอย่างไรต่อไป ตนไม่อาจก้าวล่วงได้
เมื่อถามว่า การร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับคดียาเสพติดมีความยุ่งยากซับซ้อนหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะการร้องขอความเป็นธรรมในคดียาเสพติด หรือคดีอาญาอื่นๆก็เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ ไม่ว่าคู่ความจะเป็นผู้ต้องหา หรือผู้เสียหายที่เกี่ยวข้อง หากเห็นว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถยื่นเข้ามาได้ การยื่นมาทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีก็จะดูว่ามีประเด็นที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมให้สำนวนคดีครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ หรือร้องเพื่อประวิงคดี หรือเป็นการร้องเพียงเพราะเป็นเหตุที่เคยได้ให้การไว้แล้วในสำนวนการสอบสวน ซึ่งเป็นเหตุผลที่จะต้องไปพิจารณาต่อสู้ในชั้นศาล หรือจะเป็นประเด็นไหน ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีก็จะเป็นผู้พิจารณาตามประเด็นที่ยื่นมา จากนั้นก็จะนำไปพิจารณาประกอบในสำนวนว่ามีประเด็นใหม่ที่จะต้องสอบสวนให้ความเป็นธรรมตามที่ร้องขอหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของอัยการเจ้าของสำนวนคดี ก็ให้ความมั่นใจว่ามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี