“บิ๊กอู๊ด” นำแถลง “ตม.ปทุมธานี-สืบตม.3” แกะรอยรวบ 2 พม่าแสบ รับจ้างปลอมพาสปอร์ตและวีซ่า ซ้ำเติมแรงงานชาติเดียวกันช่วงโควิด-19
24 พฤศจิกายน 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการปลอมพาสปอร์ตและวีซ่า
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.ปทุมธานี ได้ตรวจพบพาสปอร์ตและรอยตราวีซ่าปลอม จำนวน 5 เล่ม เนื่องจากมีแรงงานต่างชาติสัญชาติเมียนมา นำพาสปอร์ตมารายงานตัว 90 วัน เพื่อขอต่อวีซ่าแรงงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.ปทุมธานี จึงประสานมายัง กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อร่วมกันสืบสวนขยายผล
จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่า นายเตท อายุ 37 ปี และนายลัท อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา ได้ใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อรับจ้างทำพาสปอร์ตและวีซ่าปลอม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อ จำนวน 5 เล่ม โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คิดค่าดำเนินการเล่มละ 13,500 บาท โดยให้สายลับโอนเงินมัดจำก่อน จำนวน 10,000 บาท พร้อมทั้งส่งรูปของบุคคลที่ต้องการให้ทำพาสปอร์ตและวีซ่าปลอมให้กับผู้ต้องหา
ต่อมาผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้นัดสายลับ ให้ไปรับพาสปอร์ตปลอม ที่บริเวณตลาดสดบางบอน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงวางแผนจับกุม เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายลัท ได้มาพบกับสายลับ เพื่อจะพาไปพบ นายเตท เพื่อรับพาสปอร์ตปลอมพร้อมทั้งให้สายลับจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 57,500 บาท เมื่อไปถึงหอพักของ นายเตท ซึ่งอยู่ซอยเทียนทะเล 16 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงแสดงตัวเพื่อทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง และพาตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหาทั้งสอง
จากการตรวจค้นพบพาสปอร์ตปลอมจำนวน 16 เล่ม ซึ่งจะได้ประสานสถานทูตเมียนมา เพื่อตรวจสอบยืนยันต่อไป อีกทั้งยังตรวจพบน้ำต้มพืชกระท่อมและพืชกระท่อมสดอีกจำนวนครึ่งกิโลกรัม ซึ่ง นายเตท ผู้ต้องหารับว่า มีไว้เพื่อเสพเอง ส่วน นายลัท ให้การรับสารภาพว่า ตนได้หลบหนีเข้าเมืองมาทางช่องทางธรรมชาติ อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี ตั้งแต่ปี 2559 พร้อมทั้งยังใช้บัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนปลอมตลอดมาในขณะที่อยู่ในประเทศไทย
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสอง ยังให้การรับสารภาพเพิ่มเติมอีกว่า ได้ร่วมกับ นายเว สัญชาติเมียนมา ดำเนินการรับจ้างปลอมพาสปอร์ตให้กับแรงงานต่างด้าวสัญชาติเดียวกัน มาแล้วจำนวน 3 ครั้ง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 พร้อมทั้งของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและจะดำเนินการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี