“บิ๊กอู๊ด” นำทีมแถลง “สืบ สตม.” จับกุมแก๊งต่างชาติผิวสีร่วมกับคนไทยหลอกลวงผู้เสียหายโอนเงิน เสียหายนับล้านบาท
8 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง , พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวานกุล รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.กก.4 บก.สส.สตม. , พ.ต.ต.นนท์สมรรถ โบว์สุวรรณ สว.กก.4 บก.สส.สตม. , พ.ต.ต.จินดา แขกปัญญา สว.กก.4 บก.สส.สตม. แถลงผลการจับกุม 1.นางสาวนัฐธิดา อายุ 37 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” 2.MR.MORGAN อายุ 29 ปี สัญชาติแซมเบีย ในข้อหา“ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ”
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. และ กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ธนาคารธนชาติและผู้เสียหายหลายหลาย ว่าได้มีบุคคลใช้ชื่อบัญชีในแอพพลิเคชั่น LINE ว่า “Fred Salvatore” ได้ทำการทักไลน์มาหาผู้เสียหาย ทำการพูดคุยเพื่อตีสนิท จากนั้นได้หลอกผู้เสียหายว่า จะทำการส่งพัสดุมาให้ โดยบอกว่าโดยข้างในพัสดุเป็นเงิน ต่อมาได้มีอีเมล์ ส่งมาให้ผู้เสียหายแจ้งว่าจะต้องทำการชำระค่าธรรมเนียม ไปจนถึงค่าภาษีอากรและค่าเคลียร์คดี รวมทั้งหมด 12 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 706,103 บาท และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายได้ทำการร้องเรียน โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณ 1,200,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมขบวนการคือ นางสาวนัฐธิดา อยู่อาศัยอยู่ในซอยพุทธมณฑล 1 ซอย 5 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โดยมีหน้าที่ในการรับคำสั่งจากหัวหน้าในการไปกดเงินที่ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้ทำการโอนเงินเข้ามา จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำรายงานการสืบสวนเพื่อส่งให้กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบออกหมายจับนางสาวนัฐธิดา โดยต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับนางสาวนัฐธิดาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่ 484/2563 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวทำการหลบหนีมาอยู่ที่บริเวณหน้าคอนโด แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการไปตรวจสอบจากการตรวจสอบพบผู้ต้องอยู่บริเวณด้านล่างของคอนโดดังกล่าว จึงได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบและทำการจับกุม จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจค้นห้องพัก ผลการตรวจค้นพบชายผิวดำชื่อ MR.MORGAN อายุ 29 ปี สัญชาติแซมเบีย อยู่ในห้องพัก โดยจากการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) น้ำหนัก 16.35 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณด้านหน้าเครื่องไมโครเวฟ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสอบถามซึ่ง MR.MORGAN ยอมรับว่าเป็นของตนจริง และพบสมุดบัญชีพร้อมบัตรกดเงินและซิมการ์ด รวม 19 รายการ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ และได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าตนได้รับคำสั่งจาก MR.SOMTOCHKWU สัญชาติไนจีเรีย ซึ่งอยู่ที่ประเทศไนจีเรีย ได้ทำการติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น what‘s app ให้ผู้ต้องหาไปทำการกดเงิน เมื่อกดเงินแล้วก็ทำการโอนเงินตามบัญชีที่ MR.SOMTOCHKWU กำหนดมาให้ โดยบัญชีที่ใช้ในการกดเงินนั้นได้รับจากผู้หญิงอีกราย โดยทำหน้าที่ในการหาบัญชี ส่วน MR.MORGAN ทำหน้าที่ในการตกแต่งภาพ เช่น ภาพถ่ายใบเสร็จพัสดุ เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้มีการส่งพัสดุมาจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลและทำการติดตามจับกุมต่อไป
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี