คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ตั้งอนุฯอำนวยการให้‘วัคซีนโควิด’ พร้อมตั้ง ‘หมอโสภณ’ นั่งประธาน ประเดิมถก 15 ม.ค. พร้อมเห็นชอบการตรวจหาเชื้อโควิดจาก ‘น้ำลาย-การตรวจแบบรวมตัวอย่าง’
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 11 มกราคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการให้วัคซีนโควิด-19 และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 มี นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ยืนยันว่ารัฐให้ความสำคัญในการจัดบริการวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วถึงมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกับประชาชน นอกจากนี้ยังเห็นชอบการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากน้ำลายและการตรวจแบบรวมตัวอย่าง (pooled sample) ในการดำเนินการได้ จะทำให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากการตรวจวิธีนี้ได้ ประหยัดงบประมาณ และทำให้การควบคุมโรคได้รวดเร็วขึ้น
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สถานการณ์การตรวจของประเทศไทยเปลี่ยนไปมาก ขณะนี้มีผู้ต้องการตรวจมากทั้งเพื่อการควบคุมโรคและการค้นหาเชิงรุกในโรงงาน เพื่อสร้างความมั่นในให้กับประชาชน ที่ประชุมจึงเห็นว่าจะต้องมีการปรับการตรวจ ให้เร็วขึ้น ครอบคลุมขึ้น สะดวกขึ้นและประหยัดมากขึ้น จึงเห็นว่ายังใช้วิธีการSWABหรือเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากหลังโพรงจมูกเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยวิธีRT-PCRเป็นหลัก แต่กรณีที่จะใช้วิธีการอื่น เช่น การตรวจจากน้ำลายแล้วนำมาตรวจด้วยวิธีRT-PCRได้ จะทำให้ตรวจได้เร็วขึ้น เพราะสามารถเก็บตัวอย่างได้จากน้ำลายได้เอง และมีข้อมูลสนับสนุนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมหาวิทยาลัยต่างๆว่าการตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างจากน้ำลาย ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการเก็บตัวอย่างด้วยการSWAB ระดับ 90 %ขึ้นไป นอกจากนี้ การตรวจเชิงรุกจำนวนมากๆในเวลาอันรวดเร็ว เช่น การค้นหาผู้ป่วยในโรงงาน ซึ่งการจะทำได้รวดเร็วคือการตรวจเป็นกลุ่ม หรือ pooled sample
“เมื่อคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนำไปพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละจังหวัด แม้ว่าไม่ใช่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แต่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสามารถพิจารณาใช้วิธีการนี้ในการตรวจได้ เพราะบางจังหวัดอาจจะมีแรงงานต่างชาติทำงานอยู่จำนวนมาก เป็นต้น” นพ.โอภาส กล่าว
ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯจะเป็นการนำเป้าหมายตามแผนการให้วัคซีนของประเทศไทย มาจัดทำแนวทางในการฉีดวัคซีนให้บรรลุตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งอนุฯจะมีการประชุมในวันที่ 15 มกราคม นี้ อย่างไรก็ตามการให้วัคซีนนั้นเป็นการป้องกันภายใน เมื่อฉีดแล้วหากได้รับเชื้อร่างกายจะมีสิ่งเข้าไปต่อสู้ แต่การป้องกันภายนอก ไม่ให้เชื้อเข้าร่างกายยังมีความสำคัญด้วยการใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆและเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี