“ณัฏฐพล” เผย ศบค.อนุญาตให้ศธ.ประกาศให้โรงเรียน 28 จังหวัดเปิดเรียนได้ ยกเว้นสมุทรสาคร จี้โรงเรียนเอกชน “คืนค่าธรรมเนียม” ลดภาระผู้ปกครอง พร้อมอนุมัติเพิ่มวงเงินให้โรงเรียนเอกชนกู้ สู้วิกฤติโควิดจาก 1 เป็น 3 ล้าน
27 มกราคม 2564 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ว่า ตนได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก ได้อนุญาตให้กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้โรงเรียนใน 28 จังหวัด กลับมาเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ยกเว้น จ.สมุทรสาคร ที่ยังเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ก็ให้ทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ หรือผ่านใบงานแทน
ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล คือ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ยังเป็นพื้นที่ที่ต้องระมัดระวัง แต่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ โดยห้องเรียนมีนักเรียนไม่เกิน 25 คน ถ้าโรงเรียนไหนมีนักเรียนมากกว่า 25 คนต่อห้อง ก็ต้องเข้าสู่มาตรการที่เคยทำมาแล้วในการระบาดรอบแรก คือ เรียนสลับวัน เวลา หรือสลับอาทิตย์ ทั้งนี้ให้ดำเนินการถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์ หากสถานการณ์ดีขึ้นก็ให้สามารถกลับมาจัดการเรียนการสอนตามปกติได้
“โรงเรียนจะทราบดีว่าเด็กคนไหนมาจาก จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีความเสี่ยง ต้องจัดการเรียนออนไลน์ให้ หรือให้ใบงานไปทำ หากโรงเรียนเปิดสอนตามปกติแล้ว แต่ผู้ปกครองอาจยังไม่สะดวกใจให้ลูกมาเรียนที่โรงเรียน เนื่องจากกังวลเรื่องการแพร่ระบาดอยู่นั้น ทางโรงเรียนต้องหาทางบริหารจัดการให้นักเรียนกลุ่มนี้ด้วย” นายณัฏฐพล กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า การประกาศเปิดเรียนได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ จะทำให้โรงเรียนเอกชนสามารถคำนวณได้ว่าจำนวนวันที่หายไป โดยไม่ได้ให้บริการเรื่องต่างๆแก่นักเรียน ทางโรงเรียนจะสามารถทำเป็นส่วนลดภาระให้ผู้ปกครองได้อย่างไร เท่าไร เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถรับส่งนักเรียน หรือค่าทัศนศึกษา เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรงเรียนจะต้องสามารถอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจได้ด้วย ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จะรวบรวมข้อมูลมารายงานกระทรวงศึกษาธิการต่อไป ในส่วนของรัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าอินเตอร์เน็ตในการเรียนออนไลน์ของนักเรียนให้กับผู้ปกครองนักเรียนต่อไป
ด้านนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานของกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในส่วนของการบริหารกิจการโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนเอกชนพบปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และผู้ปกครองไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียมการเรียน ซึ่งมีโรงเรียนเอกชน 1,480 แห่ง ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และมีโรงเรียนอีก 2,000 กว่าแห่ง ที่ต้องการความช่วยเหลือจาก สช. ดังนั้น เพื่อให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบฯ สามารถช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนในระบบที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเพิ่มวงเงินให้กู้ยืมเงินจาก 1 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 3 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้จาก 2 ปี เป็น 6 ปี ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ดังนั้น ถ้าโรงเรียนได้กูเงินจาก สช.ไปแล้ว 1 ล้าน ก็สามารถยื่นเรื่องขอกู้เพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา ในส่วนของเงินสมบทเป็นเงินเดือนครู ประเภทอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ให้ได้รับเท่ากับการอุดหนุนนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา จำนวน 450 บาทต่อคนต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 โดย ศธ.จะนำเรื่องนี้เสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป
นายอรรถพล กล่าวว่า สำหรับการคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาระหว่างปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ซึ่ง สช.ได้ส่งหนังสือซักซ้อมทำความเข้าใจการจัดการเรียนการสอนระหว่างปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษและการคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาให้แก่ผู้ปกครอง ถึงโรงเรียนทุกแห่งแล้ว โดยต่อไป สช.จะออกหนังสือให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศรายงานว่า ปรับลดค่าธรรมเนียมให้ผู้ปกครองได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ สช.ไม่สามารถบังคับให้โรงเรียนลดค่าธรรมเนียมการเรียนได้ เพราะเป็นอำนาจของกรรมการบริหารโรงเรียนในการกำหนดว่าจะเก็บเงินค่าธรรมเนียมเท่าใด
“กฎหมายให้อำนาจ กช.ไว้ ว่า หากพบโรงเรียนที่เก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะที่แสวงหากำไรเกินควร สามารถสั่งลดค่าธรรมเนียมได้ หรือถ้าโรงเรียนเก็บค่าธรรมเนียมที่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินสมควร ศธ.มีอำนาจสั่งลดการเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนได้ และถ้าโรงเรียนไม่ลดค่าธรรมเนียม ศธ.สามารถสั่งงดดำเนินกิจการ สั่งงดรับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปได้ เป็นต้น เบื้องต้นพบว่ามีโรงเรียนเอกชนไม่ถึง 10% ของโรงเรียนทั้งหมด ที่อาจจะเก็บค่าธรรมเนียมค่าเล่าเรียนสูง และไม่มีคำอธิบายว่าทำไมถึงเก็บเงินสูง ซึ่ง สช.ได้แต่งคณะทำงานลงไปตรวจสอบในโรงเรียนทุกแห่งแล้ว ดังนั้นโรงเรียนทุกแห่งต้องเตรียมรับมือ เตรียมหลักฐาน และสามารถอธิบายรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ได้” นายอรรถพล กล่าว
ขณะที่นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ. ) ตนได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา สั่งการให้โรงเรียนหารือกับคณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง พิจารณารายการที่ได้เรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองไปแล้วแต่โรงเรียนไม่ได้ดำเนินการให้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ก็ให้โรงเรียนคืนเงินแก่ผู้ปกครองไป เช่น การทัศนศึกษา ถ้าไม่ได้จัดให้เด็กก็ต้องคืนเงินให้ผู้ปกครอง แต่บางรายการ เช่น การจ้างครูสอนภาษาต่างประเทศก็คืนไม่ได้ เพราะครูก็ยังทำหน้าที่สอน อย่างไรก็ตาม การจะคืนเงินให้เท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน เพราะจะมียอดรายการเก็บที่ไม่เท่ากัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี