เดิมนั้นลุ่มน้ำหลักของประเทศไทยมีทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำ แต่เพื่อให้ที่เหมาะสมสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและวิถีชีวิตของประชาชน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) จึงได้ดำเนินการศึกษาจัดแบ่งลุ่มน้ำใหม่ โดยพิจารณาจากจุดออกของลุ่มน้ำ
สภาพภูมิศาสตร์พื้นที่ วัฒนธรรมองค์กร การแบ่งเขตการปกครอง
การใช้น้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำ และที่สำคัญพื้นที่ลุ่มน้ำไม่ควรอยู่ต่างภูมิภาค
ในที่สุดพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำใหม่ จาก 25 ลุ่มน้ำ
ลดลงเหลือ 22 ลุ่มน้ำก็มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
สำหรับลุ่มน้ำหลักใหม่ทั้ง 22 ลุ่มน้ำนั้น ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำโขงเหนือ
ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำโตนเลสาป ลุ่มน้ำ
แม่กลอง ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง และลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการแบ่งลุ่มน้ำใหม่แล้ว ก็ยังจะไม่บริหาร
จัดการทรัพยากรน้ำได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ.2561 ถ้ายังไม่มีกรรมการลุ่มน้ำ
เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ต้องการให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เป็นไปบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สามารถใช้ในการวิเคราะห์ด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำแบบองค์รวมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน รวมทั้งสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จในแต่ละลุ่มน้ำ
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. ยืนยันว่าสทนช.จะดำเนินการสรรหาและคัดเลือกกรรมการลุ่่มน้ำให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตลุ่มน้ำนั้น และผู้แทนจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และผู้ทรงคุณวุฒิ
หลังจากนั้นก็จะดำเนินการคัดเลือกกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อไปนั่งในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( กนช.) จำนวน 6 คน ประกอบด้วย กรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 คน กรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ 4 คน และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 1 คน จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564
“ภายหลังจากได้คณะกรรมการลุ่มน้ำใหม่ครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำหลักและกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำใน กนช.แล้วจะทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการสถานการณ์ในปัจจุบันและปัญหาในพื้นที่รวมทั้งตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ช่วยให้การพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการ สทนช.ยืนยัน
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป มิติใหม่ของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศจะเริ่มนับ..หนึ่ง
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี