18 มีนาคม 2564 พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ได้ร่วมสั่งการให้ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ต.ภาวัต ธรรมวิเศษ สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ทองผาภูมิ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 135 เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกาญจนบุรี และ เจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปคม. ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณด่านความมั่นคงสามแยกทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เพื่อป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของรัฐบาล
จนกระทั่งเวลา 06.30 น.คณะเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 5643 กาญจนบุรี วิ่งมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.ไทรโยค แต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงด่านตรวจ คนขับได้เลี้ยวรถยนต์หลบเลี่ยงการตรวจค้นเข้าไปภายในซอยกรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ดูแล้วท่าทางมีพิรุธ จึงนำกำลังมาดักรอที่บริเวณสามแยกสัญญาณไฟแดง
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาถึงแยกสัญญาณไฟแดง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังส่งสัญญาณเรียกให้หยุด ปรากฏว่าคนขับไม่ยอมและได้เร่งเครื่องหลบหนีไปตามถนนสาย 323 มุ่งหน้า อ.ไทรโยคอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนถึงท้องที่บ้านจันเดย์ หมู่ 3 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร คนขับจึงจอดพร้อมกับยอมจำนน ทราบชื่อคนขับคือนายอำพรรณ บรรณาการ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 3 ต.ยางม่วง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่ถึงกับต้องตกตะลึง เมื่อพบแรงงานชาวเมียนมา นอนแออัดกันอยู่ที่บริเวณเบาะหลังคนขับมากถึง 6 คน และอีก 10 คน นอนแออัดกันอยู่ที่กระบะท้ายโดยการใช้ผ้าใบปิดเพื่ออำพรางสายตาของเจ้าหน้าที่ โดยแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 16 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 8 คน
หลังจากคุมตัวเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมกับตรวจวัดอาการไข้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกคนมีอุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
จากการสอบสวนนายอำพรรณ บรรณาการ คนขับให้การว่า ตนได้รับการติดต่อจากนายโจ ชาวเมียนมาเพื่อว่าจ้างให้ตนนำแรงงานทั้งหมดไปส่งที่บริเวณสามแยกบ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นจะมีคนมารับไปอีกทอดหนึ่ง โดยจะได้ค่าจ้างจากนายโจเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท
ด้านนายเตี้ย (ไม่มีนามสกุล)ชาวเมียนมา อายุ 27 ปี เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย อาศัยอยู่บ้านพักเลขที่ 48 ถ.รวมใจ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และสามารถพูดไทยได้ โดยนายเตี้ยให้การว่า พวกตนทั้ง 16 คน กำลังจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยเมื่อไปถึงจุดหมาย คือ ต.สะเดา จ.สงขลา ก็จะจ่ายเงินค่าหัวให้กับนายหน้าคือนายโจ เป็นเงินคนละจำนวน 7,000 บาท แต่ก็มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน
เมื่อผู้ต้องหายอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวนายอำพรรณ บรรณาการ คนขับส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีในข้อหา“ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ส่วนนายเตี้ย ถูกดำเนินคดีในข้อหาฐานเป็นคนต่างด้าวเดินทางโดยฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
สำหรับแรงงานชาวเมียนมาที่เหลืออีก 15 คน ไม่มีเอกสารแสดงตน จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาฐาน“เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต,และเป็นคนต่างด้าวเดินทางโดยฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน”ส่วนรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอาไว้ตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลพบว่ากลุ่มแรงงานชาวเมียนมาที่จะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.สงขลา นั้นส่วนใหญ่จะลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่อำเภอแม่สอด ซึ่งคาดว่าปัจจุบันนี้พื้นที่ชายแดนแม่สอดมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันกันอย่างเข้มข้น ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากการป้องกันและปราบปรามตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี แต่กลุ่มคนเหล่านี้นั้น มีความอดทนในการเดินลัดเลาะไปตามชายป่าและหุบเขา เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่และจุดตรวจต่างๆ ถึงแม้จะใช้เวลาในการเดินเท้านานหลายวันหลายคืนก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องมาถูกจับกุมตัวได้ทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี